NFT หรือ Non-Fungible Token เป็นตลาดที่การเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมากในปี 2021 ที่ผ่านมา และยังคงเป็นกระแสต่อมาเรื่อย ๆ ในปี 2022 นี้ถึงแม้ว่าจะไม่รุนแรงเท่าปีก่อน อย่างไรก็ตาม การที่ตลาดมีเงินสะพัดหลักพันล้านบาทต่อวันก็เป็นสัญญาณว่าตลาดนี้กำลังได้รับความสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะเมื่อแบรนด์ระดับโลกเริ่มหันมาให้ความสนใจ เช่น อดิดาส (Adidas) โคคา-โคลา (Coca-Cola) และแมคโดนัลด์ (McDonalds) ออกคอลเล็กชัน NFT ของตัวเอง ก็ทำให้คนรับรู้ได้ว่ากระแสนี้อาจจะมีความจริงจังมากกว่าที่คิด และแบรนด์ต่าง ๆ เริ่มอยากได้ส่วนแบ่งจากตลาดที่กำลังเติบโตนี้ไม่มากก็น้อย
ทั้งนี้ ก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่เข้าใจ หรือยังไม่เคยสัมผัสประสบการณ์การครอบครอง NFT เป็นของตัวเอง เนื่องจากมองว่ามันเป็นเรื่องที่ไกลตัว หรือว่าขั้นตอนในการซื้อขายนั้นยุ่งยากเกินไป หรือแม้กระทั่งการไม่สนใจเนื่องจากรู้สึกว่าการครอบครองของสะสมที่อยู่บนโลกดิจิทัลนั้นไม่ได้มีความพิเศษอะไร ทำให้คนเหล่านั้นไม่ได้หาโอกาสที่จะเริ่มลองครอบครอง NFT เป็นของตัวเองแบบจริงจังสักที
เพื่อแก้ปัญหานี้ หลายแบรนด์ที่หันมาลงทุนในการทำ NFT เลยได้ออกกลยุทธ์มาเพื่อทำให้การครอบครอง NFT นั้นง่ายขึ้น และสร้างประสบการณ์ที่พิเศษให้กับผู้ใช้งาน ทำให้การครอบครองของสะสมบนโลกดิจิทัล กลายเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจ เพื่อที่จะดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่ยังไม่เคยสัมผัสการครอบครอง NFT ให้ได้มาลอง ต่างจากแบรนด์อื่น ๆ ที่มักจะมุ่งเป้าหมายไปที่คนในวงการอยู่แล้ว และกลยุทธ์นั้นก็คือการ ‘นำประสบการณ์การซื้อ NFT มาอยู่ในร้านค้าจริง’
Ferragamo ผสานความหรูหรากับเทคโนโลยี
หนึ่งตัวอย่างของบริษัทที่ใช้กลยุทธ์นี้คือแบรนด์หรูจากอิตาลีอย่าง ซัลวาตอเร เฟอร์รากาโม (Salvatore Ferragamo) ที่เพิ่งได้ทดลองกับร้านค้าของตัวเองในย่านโซโฮ เมืองนิวยอร์ก โดยให้ลูกค้าสามารถสัมผัสประสบการณ์ของ Web3 ด้วยตัวเองด้วยการซื้อ NFT คอลเล็กชันพิเศษได้ที่หน้าร้านของพวกเขาเลย
เฟอร์รากาโมได้ร่วมงานกับศิลปินที่ใช้นามแฝงว่า Shxpir (อ่านว่า เชกสเปียร์) ในการสร้างประสบการณ์การซื้อ NFT ได้ที่ภายในร้าน โดยลูกค้าสามารถออกแบบ NFT ของตัวเองได้จากต้นแบบที่กำหนดไว้ให้ และทำการซื้อเพื่อครอบครองของสะสมที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก ผ่านตู้ที่ตั้งไว้ในร้านโดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนที่เคยคิดว่ายุ่งยากอีก
แดเนียลลา วิตาเล (Daniella Vitale) ประธานบริหารของเฟอร์รากาโม กล่าวว่า ในตอนนี้ผู้คนกำลังพูดถึง NFT กันเต็มไปหมด และทางแบรนด์ต้องการจะเป็นส่วนหนึ่งในการนำพากลุ่มลูกค้าของเขามารู้จักกับโลก Web3 มากยิ่งขึ้น รวมถึงคาดหวังการดึงดูดลูกค้าใหม่ซึ่งเป็นกลุ่มที่คุ้นเคยกับ NFT ให้รู้จักกับแบรนด์มากขึ้นเช่นกัน
นับเป็นประสบการณ์ใหม่ที่ทำให้คนที่ไม่เคยครอบครอง NFT ได้สัมผัส และยังเป็นประสบการณ์ที่แม้แต่คนในวงการ NFT เองก็ยังตื่นเต้นกับสิ่งนี้ เนื่องจากการนำของสะสมบนโลกดิจิทัลมาอยู่บนโลกจริงนั้นเป็นไอเดียที่คนพูดถึงกันมานาน และนี่นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมาก แถมเฟอร์รากาโมยังทำออกมาได้ดีเยี่ยมอีกด้วย
Doodles ประสบการณ์ที่มาพร้อมความสดใส
นอกจากแบรนด์หรูอย่างเฟอร์รากาโมแล้ว แบรนด์สื่อบันเทิงชื่อดังบน Web3 อย่าง ดูเดิลส์ (Doodles) ก็ได้ริเริ่มการนำประสบการณ์การซื้อ NFT มาอยู่บนโลกจริงแล้วเช่นกันในงานนิทรรศการของแบรนด์เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ในเมืองนิวยอร์ก
ดูเดิลส์ คือคอลเล็กชัน NFT ชื่อดัง ที่มีตัวละครหลักเป็นตัวการ์ตูนมินิมอลน่ารักสีสันสดใส ที่มีจุดขายเป็นเรื่องความสดใสและความบันเทิง และมีเป้าหมายที่จะนำประสบการณ์ทุกอย่างบน Web3 มาอยู่ในโลกความเป็นจริง
ในงานนิทรรศการของดูเดิลส์ก็ได้มีประสบการณ์ที่คล้ายกันกับเฟอร์รากาโม นั่นก็คือการให้ผู้เข้าชมสามารถซื้อ NFT ได้ที่หน้างาน โดยในงานจะมีตู้ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ให้ผู้คนได้เข้าไปซื้อ NFT คอลเล็กชันใหม่ของบริษัทที่ชื่อว่า Genesis Box ซึ่งเป็นเหมือนกล่องสุ่มเสื้อผ้าและเครื่องประดับให้กับตัวละครในแบรนด์ ที่ออกมาในรูปแบบ NFT ซึ่งกล่องนี้จะมีจำกัดแค่เฉพาะในงานเท่านั้น และผู้ซื้อจะได้การ์ดทองคำมาเป็นที่ระลึก เป็นการเพิ่มประสบการณ์พิเศษให้กับผู้เข้าร่วมงานนิทรรศการ โดยการซื้อนี้สามารถใช้บัตรเครดิตได้เช่นกัน
อนาคตของนวัตกรรม
การที่แบรนด์ต่าง ๆ เริ่มหันมาให้ความสนใจเกี่ยวกับ NFT และการที่มีบางแบรนด์ยอมเหนื่อยเพิ่มขึ้นอีกขั้นหนึ่งเพื่อที่จะนำการซื้อ NFT มาอยู่ในโลกความเป็นจริง สร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ และทำให้ขั้นตอนที่ยุ่งยากนั้นง่ายขึ้นสำหรับผู้ใช้งาน นับเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับนวัตกรรมใหม่นี้ และแสดงถึงความเป็นไปได้ที่ NFT จะมีบทบาทอะไรบางอย่างในชีวิตประจำวันของผู้คนในอนาคต
ดี-ยาน (Di-Yan) สตูดิโอออกแบบชื่อดังแสดงความเห็นว่าการกระทำของเฟอร์รากาโมนั้นนับว่าเป็นนวัตกรรม และเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับเรื่องนี้ พวกเขาไม่แปลกใจถ้าเกิดในเร็ว ๆ นี้ จะมีแบรนด์อื่นที่ริเริ่มทำอะไรที่คล้ายกัน เมื่อพูดถึง NFT ในขณะที่ทุกคนยังคิดถึงแต่รูปภาพหรือวิดีโอที่สัมผัสประสบการณ์ได้เพียงแค่บนหน้าจอ มีคนแสดงให้เห็นแล้วว่ามันสามารถนำมาใช้กับโลกความเป็นจริงได้ พวกเขาเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีและการให้ลูกค้าออกแบบเองได้ จะมีบทบาทสำคัญในตลาดค้าปลีกในอนาคต
อย่างไรก็ตาม นี่ยังนับว่าเป็นเพียงจุดเริ่มต้น เพราะถึงแม้การนำประสบการณ์การซื้อ NFT มาอยู่บนโลกความเป็นจริงจะเป็นนวัตกรรมใหม่ ก็ยังมีความท้าทายหลายอย่างที่ต้องแก้ไข เพราะมันอาจจะมาขัดขวางการเข้าถึงของลูกค้าได้ อย่างเช่นความยุ่งยากในการสมัครกระเป๋า ต้นทุนจากค่าธรรมเนียมซื้อขาย (ค่า Gas fee) และความผันผวนของคริปโทฯ ที่อาจจะทำให้ลูกค้าจำนวนมากไม่สบายใจ
เป็นเรื่องธรรมดาที่เทคโนโลยีใหม่ ๆ จะต้องเผชิญความท้าทายในการคิดค้นนวัตกรรมที่ไม่เหมือนใคร และทำให้ผู้ใช้งานได้สัมผัสประสบการณ์เหล่านั้นโดยไม่ต้องพบเจอกับขั้นตอนยุ่งยาก ก็คงต้องรอติดตามกันต่อไป ว่า NFT ในอนาคต จะแตกต่างจาก NFT ที่เรารู้จักกันในตอนนี้มากแค่ไหน
ที่มา: CoinTelegraph
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส