Nikkei Asia หนังสือพิมพ์การเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกรายงานว่า SCBX บริษัทแม่ของธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์แห่งแรกและเป็น 1 ใน 5 ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเผยได้ชะลอการเข้าซื้อหุ้น 51% ในบิทคับ (Bitkub) แพลตฟอร์มเทรดคริปโทชั้นนำในไทย ด้วยมูลค่า 17,850 ล้านบาท (487 ล้านเหรียญ) และได้ยื่นเอกสารแจ้ง ก.ล.ต. ว่าปัจจุบันยังอยู่ระหว่างกระบวนการสอบทานธุรกิจและหารือกับหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง โดยมีการขยายเวลาการเข้าทำธุรกรรมออกไปจากกำหนดการเดิม ทั้งนี้มีผู้ใหญ่คนวงในให้ข่าว “เราไม่รู้ว่าดีลจะปิดได้เมื่อไหร่”

เดือนพฤศจิกายน 2564 SCBX ประกาศส่ง SCBS (บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด) เข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน “บิทคับ ออนไลน์” เพื่อเป็นพันธมิตรวางรากฐานธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลและยกระดับสู่กลุ่มบริษัทฟินเทคในระดับภูมิภาค และคาดว่าข้อตกลงนี้จะเสร็จสิ้นภายในไตรมาสแรกของปี 2565 ซึ่งจะทำให้บิทคับมีมูลค่า 35,000 ล้านบาท (1,050 ล้านเหรียญ) ทั้งนี้การเลื่อนดีลออกไปอย่างไม่มีกำหนดจะส่งผลให้บิทคับพลาดขึ้นแท่นสตาร์ตอัปยูนิคอร์นของไทยหรือไม่ต้องติดตามกัน

23 มีนาคม ก.ล.ต. ได้ออกหลักเกณฑ์ที่เป็นกรอบในการให้บริการของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อไม่ให้สนับสนุนหรือส่งเสริมการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลในการชำระเงินค่าสินค้าและบริการ ซึ่งอาจสร้างผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินและระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 เมษายน 2565

ในขณะนั้นเป็นช่วงเวลาที่ราคาบิตคอยน์เริ่มลดลง นักลงทุนต้องพบกับการขาดทุนจึงส่งผลให้การซื้อขายคริปโทลดลงไปด้วย และเมื่อกฎระเบียบของหน่วยงานกำกับดูแลเริ่มเข้มงวดขึ้น โอกาสในการขยายฐานลูกค้าของบิทคับก็ดูจะลดลงตามไปด้วย

30 มิถุนายน ก.ล.ต. ได้ประกาศลงโทษทางแพ่งต่อบิทคับโดยสั่งปรับ 24,161,292 บาท เนื่องจากกรณีสร้างปริมาณเทียมสินทรัพย์ดิจิทัลในแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโท Bitkub ซึ่งในส่วนของ นายสกลกรย์ สระกวี ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานกรรมการ Bitkub Capital Group Holdings Co., Ltd ถูกสั่งปรับ 8,053,764 บาท แถมถูกห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารเป็นเวลา 12 เดือน

เมื่อกฎระเบียบในไทยเริ่มเข้มงวด บิทคับก็ต้องออกไปหาโอกาสในต่างแดน ซึ่งเมื่อเดือนเมษายน บิทคับได้ร่วมลงทุนกับบริษัทสตาร์ตอัปด้านเทคโนโลยีของเวียดนามโดยการเปิดตัว “คับเทค” (Kubtech) เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชน และเทคโนโลยีสำหรับผลิตภัณฑ์ยุคเว็บ 3.0 ซึ่งอนาคตจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่เป็นกระแสบนบล็อกเชนของตัวเองโดยไม่จำเป็นต้องมีใบอนุญาต เช่น เกม และค่อยเปิดแพลตฟอร์มคริปโทเมื่อเครือข่าย 5G และหน่วยงานกำกับดูแลวางกฎระเบียบไว้พร้อม

ทั้งนี้เวียดนามได้อนุญาตให้สามารถลงทุนซื้อขายบิตคอยน์และเหรียญคริปโทสกุลต่าง ๆ มานานกว่า 10 ปีแล้ว แต่ในปี 2560 ได้ออกกฎห้ามชำระเงินด้วยคริปโท และล่าสุดเดือนมิถุนายน 2022 ก็ได้กำหนดการวางกรอบกฎหมายดูแลคริปโทและสินทรัพย์เสมือนให้ปลอดภัยแก่นักลงทุนยิ่งขึ้น

ที่มา : asia.nikkei.com