วันที่ 1 สิงหาคม 2565 ดร.เอกลาภ ยิ้มวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ซิปเม็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด (Zipmex Thailand) จัดงานแถลงข่าว ณ อาคารเกษรทาวเวอร์ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงต่อลูกค้า นักลงทุน ประชาชน สื่อมวลชน และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย โดยแยกเป็น 5 ประเด็น ดังต่อไปนี้
ประเด็นที่ 1 : ที่มาของปัญหา
สืบเนื่องจาก Zipmex Thailand ได้ฝากเงินไว้กับ บริษัท เซลเซียส เน็ตเวิร์ก ซึ่งเป็นคู่ค้าทางธุรกิจ โดยบริษัทฯ ได้รับทราบว่า บริษัทเซลเซียส ประสบปัญหาสภาพคล่องตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน 2565 และมีการประกาศล้มละลายเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2565 หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว บริษัทฯ ได้เร่งหารือเพื่อแก้ไขปัญหาทันที โดยพบว่ามีเงินฝากคงค้างอยู่กับ บริษัทเซลเซียส จำนวน 5,000,000 ดอลลาร์
ทั้งนี้ เมื่อ บริษัทเซลเซียส ประสบปัญหาสภาพคล่อง ทางบริษัทฯ ได้เข้าตรวจสอบเงินฝากกับ บริษัท บาเบล ไฟแนนซ์ ทันที พบว่ามีเงินฝากคงค้างอยู่กับ บริษัท บาเบล ไฟแนนซ์ จำนวน 48,000,000 ดอลลาร์
ปัจจุบัน บริษัท บาเบล ไฟแนนซ์ ยังคงดำเนินกิจการอยู่ และอยู่ในระหว่างการปรับปรุงโครงสร้างทางธุรกิจ ทั้งนี้ บริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด ประเทศสิงคโปร์ ได้ร่วมหารือกับ บริษัท บาเบล ไฟแนนซ์ ถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และพยายามผลักดันให้เกิดข้อสรุป อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์ตลาดคริปโทฯ ขาลง ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีบทสรุปเร็ว ๆ นี้ ทาง Zipmex Thailand จึงตัดสินใจรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ในช่วงเช้าวันที่ 20 กรกฎาคม 2565 เพื่อแสดงถึงเจตนาที่โปร่งใส
ขณะเดียวกัน ด้วยสภาพคล่องของ Zipmex Thailand ทาง Zipmex Asia ตั้งใจที่จะรับภาระจากบริษัทเซลเซียสไว้ และพยายามที่จะเจรจากับบริษัท บาเบล ไฟแนนซ์ เพื่อนำทรัพย์สินกลับคืนมา ทั้งนี้ เมื่อสังเกตการณ์แล้วว่าบริษัท บาเบล ไฟแนนซ์ ไม่สามารถนำทรัพย์สินคืนมาภายในเวลาที่กำหนดได้ ทาง Zipmex Thailand จึงตัดสินใจแจ้งต่อสำนักงาน ก.ล.ต. และหยุดให้บริการ ZipUp+ ชั่วคราว
สำหรับสาเหตุที่ Zipmex Thailand ตัดสินใจนำเงินไปฝากกับคู่ค้าทั้งสองนั้น (เซลเซียสและบาเบล) บริษัทฯ ได้ทำการตรวจสอบอย่างละเอียดว่ามีความน่าเชื่อถือ รวมถึงมีผลประกอบการที่ดี ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ทำการประเมินความเสี่ยงก่อนการทำธุรกรรมดังกล่าว (Due Diligence) ซึ่งผลออกมาว่าทั้งสองบริษัทฯ มีความแข็งแกร่ง ทาง Zipmex Thailand จึงตัดสินใจนำเงินไปฝากไว้
ประเด็นที่ 2 : กระบวนการยื่นขอพักชำระหนี้ของ บริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด ประเทศสิงคโปร์
กรณีที่มีสื่อมวลชนเผยแพร่ข่าวเรื่อง บริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด ประเทศสิงคโปร์ (กลุ่มบริษัท Zipmex) ล้มละลายนั้น ทางบริษัทฯ ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง แต่เป็นการรายงานที่คลาดเคลื่อน โดยกลุ่มบริษัท Zipmex ได้ยื่นขอพักชำระหนี้เพื่อเป็นการลดผลกระทบระยะสั้น ซึ่งถือเป็นการปฏิบัติตามคำแนะนำของทนาย เพื่อให้กลุ่มบริษัท Zipmex มีระยะเวลาในการแก้ไขปัญหา
ทั้งนี้ การยื่นขอพักชำระหนี้ของกลุ่มบริษัท Zipmex ไม่มีผลกระทบต่อ บริษัท ซิปเม็กซ์ (ประเทศไทย) จำกัด
ประเด็นที่ 3 : การดำเนินการแก้ไขปัญหา
ขณะนี้ Zipmex Thailand กำลังประสานงานกับ บาเบล ไฟแนนซ์ เพื่อนำทรัพย์สินกลับคืนมา นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเร่งระดมทุนเพื่อนำเงินมาหมุนเวียนในบริษัทฯ โดยได้มีการพูดคุยกับนักลงทุนหลายราย และได้มีการทำ MOU กับนักลงทุนที่สนใจแล้ว 2 ราย ซึ่งขณะนี้ได้เข้าสู่กระบวนการสอบทานธุรกิจแล้ว โดยกระบวนการดังกล่าวถือเป็นขั้นตอนหนึ่งของการลงทุน
ขณะเดียวกัน Zipmex Thailand ยังได้รับการลงทุนเพิ่มเติมในเหรียญ ZMT เพื่อให้แผนการพัฒนายังคงเดินหน้าต่อไปได้
ประเด็นที่ 4 : แถลงการณ์ผ่าน Facebook Live ของสำนักงาน ก.ล.ต.
เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา สำนักงาน ก.ล.ต. ออกแถลงการณ์ผ่าน Facebook Live ทำเกิดประเด็นขึ้นมากมายในสื่อโซเชียลมีเดีย ทาง Zipmex Thailand ขอชี้แจงว่า ตั้งแต่เริ่มต้นกิจการบริษัทฯ ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำและหลักเกณฑ์ของ ก.ล.ต และหน่วยงานรัฐอื่น ๆ อย่างเคร่ดครัด รวมถึงการประสานงานและขอคำแนะนำในการออกผลิตภัณฑ์ ZipUp ในอดีต หรือ ZipUp+ ในปัจจุบัน ซึ่งบริษัทฯ ถือว่าการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยบริษัทฯ ยืนยันว่ามีการประสานงานทั้งรูปแบบวาจาและเอกสารอย่างโปร่งใส ขอให้ลูกค้าและนักลงทุนมั่นใจว่าบริษัทฯ ได้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
ประเด็นที่ 5 : ความคืบหน้าภายหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าว
Zipmex Thailand ยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ และเร่งแก้ไขปัญหา โดยได้มีการจัดตั้งศูนย์บริการลูกค้าพิเศษขึ้น รวมถึงการทยอยเปิดให้บริการ Z Wallet โดยจะเป็นการเครดิตกลับไปที่ Trade Wallet เริ่มจาก 5 เหรียญ ได้แก่ ADA, SOL, XRP, BTC และ ETH ภายใน 2 สัปดาห์นี้ โดยลูกค้าสามารถติดตามความคืบหน้าและรายละเอียดได้ทางเว็บไซต์ และช่องทางสื่อสารอย่างเป็นทางการของ Zipmex Thailand