วันที่ 9 สิงหาคม 2565 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า บริษัท อาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (Alibaba) เปิดเผยว่าในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา (เดือนเมษายนเดือนมิถุนายน) ได้ปลดพนักงานไปแล้ว 9,241 คน เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก
จากรายงานของอาลีบาบาระบุว่า ขณะนี้บริษัทฯ มีพนักงานมากกว่า 245,000 คน เมื่อนับจนถึงสิ้นไตรมาสล่าสุด โดยก่อนหน้านี้ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2565 บริษัทได้ทำการปลดพนักงานจำนวน 4,375 คน โดย บริษัท ซอฟต์แบงก์ กรุ๊ป คอร์ป (SoftBank Group Corp.) ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของอาลีบาบา ประกาศว่าภายในสัปดาห์นี้จะมีการใช้มาตรการลดต้นทุนที่รัดกุม โดยครอบคลุมถึงการลดจำนวนพนักงานลงด้วย
ช่วงเวลานี้อาจเรียกว่าเป็นขาลงของอาลีบาบาอย่างแท้จริง เพราะก่อนหน้านี้ อาลีบาบาซึ่งถือเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในจีน กลับถูกรัฐบาลจีนคุมเข้ม และขัดขวางการระดมทุนผ่านการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก (IPO) ของบริษัท แอนท์ กรุ๊ป ฟินเทคยักษ์ใหญ่ในเครืออาลีบาบา เมื่อปี 2563 เนื่องจากมองว่าอาลีบาบามีการผูกขาดทางการค้า จากขนาดธุรกิจที่ใหญ่โต
นอกจากนี้ อาลีบาบายังต้องเผชิญหน้ากับความสุ่มเสี่ยงที่จะถูกถอดถอนการจดทะเบียนในสหรัฐฯ ร่วมกับบริษัทสัญชาติจีนอื่น ๆ เนื่องจากปัญหาการเปิดเผยรายงานทางการเงิน อย่างไรก็ตาม จากปัญหาดังกล่าว ตัวแทนของอาลีบาบา ระบุว่าบริษัทพร้อมให้ความร่วมมือกับผู้ตรวจสอบและกำกับดูแลของสหรัฐฯ เพื่อให้ข้อมูลที่จำเป็นอย่างเพียงพอ
กระแสการไม่รับพนักงานเพิ่มและปลดพนักงานบางส่วน ถือเป็นเทรนด์หลักของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่หลายแห่งในสหรัฐฯ เช่น แอปเปิ้ล (Apple) อัลฟาเบต (Alphabet) และเมตา (Meta) ที่ประกาศว่าจะไม่รับพนักงานเพิ่ม และจะมีการปลดพนักงานบางส่วน ทางด้าน แอมะซอน (Amazon.com) เผยว่าบริษัทได้ปรับลดพนักงานลงเกือบ 100,000 ตำแหน่ง
ทั้งนี้ กระแสดังกล่าวเกิดขึ้นจากผลประกอบการของบริษัทที่ไม่ค่อยเป็นที่น่าพอใจนัก รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่กำลังถดถอย เงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมไปถึงราคาพลังงานที่สูงขึ้น และส่งผลกระทบต่อต้นทุนและวัสดุบางประเภทของบริษัทเทคฯ
ที่มา : Bloomberg
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส