หลังจากเงียบหายไปกว่า 5 สัปดาห์ 2 ผู้ก่อตั้งกองทุน Three Arrows Capital หรือ 3AC ซึ่งเป็นกองทุนคริปโทที่เคยรุ่งเรืองก่อนจะล่มสลายลง ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณะอีกครั้ง โดยกล่าวว่าการเก็งกำไรในคริปโทเป็นเรื่องผิดพลาดของพวกเขา และการใช้เงินกู้ไปลงทุนเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ
กองทุนที่เคยรุ่งเรือง
ซู จู (Su Zhu) และไคล์ เดวีส์ (Kyle Davies) ร่วมกันก่อตั้งกองทุน 3AC จนกลายเป็นกองทุนยักษ์ใหญ่ ก่อนที่มันจะล่มสลายและส่งผลเสียเป็นวงกว้างอย่างมากต่อนักลงทุน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ หรือแม้แต่นักลงทุนทั่วไปที่ถือเหรียญคริปโทอยู่ก็ตาม การล่มสลายของ 3AC นับเป็นส่วนหนึ่งของโดมิโนครั้งสำคัญต่อเนื่องจากการล่มสลายของ LUNA ที่กระทบตลาดอย่างรุนแรง
ในบทสัมภาษณ์ ทั้งสองเลี่ยงที่จะพูดถึงผลกระทบต่อผู้อื่นที่เกิดขึ้น แต่มุ่งเน้นไปที่การบอกว่าพวกเขาเองก็เสียหายหนักมากเหมือนกันต่อการล่มสลายครั้งนี้ พวกเขาถูกกล่าวหาว่าดึงเงินออกจากกองทุนก่อนที่มันจะล่มสลาย ซึ่งจูปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ และบอกว่าจริง ๆ แล้วพวกเขานำเงินส่วนตัวใส่ลงไปเพิ่มด้วยซ้ำเพื่อพยายามจะกู้มันกลับมา
พวกเขากล่าวว่าสาเหตุที่ต้องเงียบตัวหายไปนานเนื่องจากทั้งสองได้รับคำข่มขู่ที่น่ากลัวมากมายจากนักลงทุนที่โกรธแค้น จนทำให้พวกเขาต้องหลบซ่อน และปฏิเสธที่จะบอกว่าตอนที่พวกเขาอาศัยอยู่ที่ไหน
การเดิมพันที่สูงเกินไป
จูและเดวีส์เป็นนักลงทุนที่ลงทุนแบบสุดโต่ง และกู้เงินมาจำนวนเยอะมากเพื่อลงทุน โดยคาดหวังว่าตลาดจะเติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ แต่สิ่งที่พวกเขาคาดหวังไว้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นจริงเมื่อเกิดการปรับราคาครั้งใหญ่อย่างตอนนี้
เราวางแผนการลงทุนของเราไว้สำหรับสภาวะตลาดที่สุดท้ายมันก็ไม่ได้มาถึง
ซู จู
พวกเขาเชื่อมั่นในตลาดนี้อย่างสุดหัวใจและลงสินทรัพย์เกือบทุกอย่างไว้กับคริปโทฯ เมื่อตลาดเป็นช่วงขาขึ้น พวกเขาทำกำไรได้เยอะมาก แต่เมื่อตลาดกลายเป็นขาลง พวกเขาก็สูญเสียเยอะมากเช่นกัน
ไม่เคยบอกว่าไม่เสี่ยง
ทั้งสองกล่าวว่าหลายคนมักลืมถึงความเสี่ยงในการลงทุนคริปโทฯ ไป บนเว็บไซต์ของพวกเขาได้เขียนคำเตือนตัวใหญ่ไว้เกี่ยวกับความเสี่ยงของคริปโทและไม่เคยกล่าวเลยแม้แต่ครั้งเดียวว่าการลงทุนกับพวกเขานั้นปลอดภัย 100%
ในช่วงที่ตลาดกำลังอยู่ในขาขึ้น ทุกอย่างไปได้สวยมาก และนักลงทุนที่ลงทุนกับพวกเขาก็เที่ยวไปบอกว่า “ดูสิ ฉันเพิ่งทำเงินได้หลายร้อยล้านจากการลงทุนใน 3AC การลงทุนของฉันเติบโตตั้ง 10 เท่า” และนักลงทุนต่าง ๆ ก็ดูจะเลิกกังวลจนลืมถึงความเสี่ยงที่บริษัทกำลังแบกรับอยู่จากการลงทุนในคริปโท
เมื่อตลาดขาลงมาถึงในช่วงพฤษภาคม ราคาทุกอย่างร่วงลงจน 3AC โดนเรียกหลักประกันเพิ่ม ตอนนั้นผู้คนถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ‘การลงทุนมีความเสี่ยง’
ตะปู 3 ดอกที่ทำลาย 3AC
การล่มสลายของ 3AC หลัก ๆ มาจากความมั่นใจที่มากเกินไปในช่วงตลาดขาขึ้น โดยไม่คำนึงว่าตลาดขาลงอาจจะมาถึงและส่งผลกระทบรุนแรงขนาดไหน พวกเขากู้เงินจำนวนมากมาลงทุนและไม่สามารถจะใช้หนี้คืนได้ในช่วงที่ตลาดไม่ได้เป็นอย่างที่คาดไว้ ซึ่ง 3 การเดิมพันหลักของ 3AC คือ UST, stETH, และ GBTC
3AC ได้ลงทุนจำนวนมากในเหรียญ UST ของเทอร์รา (Terra) หรือ LUNA ซึ่งเมื่อเทอร์ราล่มสลายลง 3AC ก็ขาดทุนอย่างมากเช่นกัน นอกจากนี้ พวกเขายังลงทุนกับเหรียญ stETH ซึ่งเป็นเหรียญที่ตรึงราคาให้เท่ากับอีเธอเรียม (Ethereum) ไว้อีกด้วย หลังจาก LUNA ล่มสลาย ผลกระทบก็ทำให้มูลค่า stETH ลดลงมาจากที่ตรึงราคาไว้เช่นกัน แม้ 3AC จะนำเงินออกมาได้ทัน แต่ก็ขาดทุนไปไม่น้อย และการนำเงินออกมาจำนวนมากก็เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการร่วงลงของราคาครั้งใหญ่อีกด้วย
สุดท้ายแล้วคือ GBTC หรือ Grayscale Bitcoin Trust ซึ่งเป็นกองทุนบิตคอยน์สำหรับคนที่ไม่อยากถือบิตคอยน์โดยตรง และยังอนุญาตให้ผู้ซื้อใช้บิตคอยน์เพื่อแลกกับหน่วยลงทุนในกองทุนได้อีกด้วย เช่น เราสามารถส่งบิตคอยน์ให้เกรย์สเกล 1 BTC เพื่อแลกกับหน่วยลงทุน 1 GBTC มาได้นั่นเอง
ทาง 3AC เล็งเห็นโอกาสในการทำกำไรจากข้อเสนอนี้ เนื่องจากในตอนนั้นราคาของ GBTC ที่ซื้อขายกันในตลาดนั้นกำลังซื้อขายอยู่ที่พรีเมียม หมายความว่า 1 GBTC มีมูลค่ามากกว่า 1 BTC นั่นเอง ทำให้ 3AC นำบิตคอยน์ไปแลกเป็น GBTC มาเป็นจำนวนถึง 1,000 ล้านเหรียญ (ราว 35,000 ล้านบาท) โดยหวังว่าจะขาย GBTC ที่มีราคาสูงค่าบิตคอยน์ที่แลกเข้าไปเพื่อทำกำไรจากส่วนต่างนั้น
ปัญหาก็คือ กองทุน GBTC ที่ซื้อนั้นจะถูกล็อกไว้เป็นเวลา 6 เดือนก่อนจะทำการซื้อขายได้ และระหว่างที่สัดส่วนของ 3AC ถูกล็อกเอาไว้อยู่นั้น ราคาของ GBTC ก็ลดลงจนมีมูลค่าต่ำกว่า 1 BTC และรวมกับการที่บิตคอยน์ราคาลดลงอย่างมาก ทำให้พวกเขาขาดทุนจากการลงทุนนี้ไปไม่น้อยเลยดีเดียว
จากนี้จะเป็นอย่างไร?
ทั้งหมดนี้คือเรื่องราววุ่นวายของกองทุน 3AC ที่เป็นหนึ่งในการล่มสลายครั้งใหญ่ในวงการคริปโทฯ โดยผู้ร่วมก่อตั้งทั้งสองบอกว่ากำลังมีแผนที่จะย้ายไปที่ดูไบและอยู่อย่างเงียบ ๆ จูบอกว่าเขาคงหาเวลาเพื่อทำจิตใจให้สงบและจัดการบัญชีทรัพย์สินที่ซับซ้อนของเขาก่อน ส่วนเดวีส์กล่่าว่าเขามีแผนสำหรับปีหน้าเรียบร้อยแล้ว
ที่มา: Bloomberg
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส