15 กันยายน Ethereum mainnet เครือข่ายหลักของอีทีเรียมได้ถูกผสานรวมกับ PoS Beacon Chain หรือที่เรียกว่า ‘The Merge’ ได้สำเร็จ ซึ่งทำให้บล็อกเชนถูกเปลี่ยนจากระบบ Proof of Work กลายเป็น Proof of Stake ซึ่งช่วยให้ประหยัดพลังงานมากขึ้นถึง 99.95% ระบบนิเวศมีความปลอดภัย รองรับธุรกรรมและมีความยั่งยืนที่มากขึ้น
หลังจาก The Merge จะต้องใช้ระยะเวลากันอีกสักนิดถึงจะเห็นผลที่เกิดขึ้นตามมา แต่ที่เห็นผลในทันทีโดยไม่ต้องรอและไม่ได้ร้องขอ นั่นก็คือ Ethereum Classic เนื่องจากเหล่านักขุดคริปโทที่เคยทำเหมืองไม่สามารถขุดบนบล็อกเชนอีทีเรียมได้อีก แต่เครื่องขุดยังสามารถย้ายไปขุดบนเวอร์ชันฟอร์ก PoW ได้ จึงส่งผลให้แฮชเรตอัตราการประมวลผลในการขุดของ ETC เพิ่มขึ้นกว่า 80% ในเวลา 24 ชั่วโมง และทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่มากกว่า 111 Thash/s
ในระหว่างการประชุมชุมชนอีทีเรียมที่ปารีส เมื่อ 19 – 22 เดือนกรกฎาคม 2022 วิทาลิก บูเทริน (Vitalik Buterin) ผู้ร่วมก่อตั้งอีทีเรียมได้กล่าวถึง The Merge ว่าเมื่อเสร็จสมบูรณ์ระบบจะปรับขนาดรองรับการประมวลผลธุรกรรมได้มากขึ้นถึง 100,000 รายการต่อวินาที และต่อมา 29 กรกฎาคม ก็มีการอัปเดตเป้าหมาย The Merge ว่าจะสำเร็จประมาณในช่วง 19 กันยายน
ข่าว The Merge ได้ส่งผลให้ราคาของ ETC เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม แต่น่าเสียดายที่ช่วงนี้ตลาดคริปโทได้ลดลงมาหลายวันเนื่องจากข่าวเงินเฟ้อและการจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งข่าวความสำเร็จของ The Merge ได้ทำให้ราคาของ ETC ขึ้นไปเกือบถึง 40 เหรียญสหรัฐฯ (1,476 บาท) และ ETH อยู่เหนือระดับ 1,600 เหรียญสหรัฐฯ (59,102 บาท) แต่ล่าสุดทั้ง ETH และ ETC ก็ได้ลดลงมาตามภาวะที่ตกต่ำของตลาด ส่วนอนาคตจะเป็นเช่นไรก็ขอให้ติดตามกันต่อไป
ที่มา : cryptopotato
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส