1 พ.ย. 2565 – ธนาคารยูโอบี ประกาศว่า ได้ดำเนินการเข้าซื้อกิจการธนาคารลูกค้ารายย่อยของซิตี้กรุ๊ปในมาเลเซียและในไทยอย่างสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว และกำลังดำเนินการเข้าซื้อในอินโดนีเซียและเวียดนามให้แล้วเสร็จในปี 2566 ซึ่งกิจการธนาคารลูกค้ารายย่อยที่ได้เข้าซื้อนั้น ประกอบด้วยกลุ่มลูกค้าสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันและมีหลักประกัน ธุรกิจบริหารความมั่นคง และธุรกิจเงินฝากรายย่อย โดยการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ธนาคารในการขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน
คุณวีระอนงค์ จิระนคร ภู่ตระกูล Head of Retail and Brand ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า หากการเข้าซื้อกิจการทั้ง 4 ประเทศแล้วเสร็จคาดว่าจะทำให้มีลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า จำนวนรวมกว่า 5.3 ล้านคน โดยครึ่งหนึ่งของจำนวนนี้เป็นลูกค้ารายย่อยในไทย และตั้งเป้าขายเป็น 10 ล้านรายภายใน 3-5 ปี ทั้งนี้การเริ่มโอนย้ายลูกค้าจะเป็นไปอย่างราบรื่นทั้งหมด คาดว่าจะแล้วเสร็จ 100% ภายใน 12-18 เดือนจากนี้ ซึ่งลูกค้า ซิตี้ เดิม ไม่ต้องกังวล เพราะบริการต่าง ๆ ธนาคารจะดำเนินการให้เป็นไปตามระบบเดิมไม่มีรอยต่ออย่างแน่นอน
ส่วนแผนการต่อจากนี้ จะได้เห็นการลงทุนที่มากขึ้นแน่นอน โดยเฉพาะในไทยที่เป็นฐานลูกค้าหลัก เช่น การสร้างช่องทางแบบ Omni Channel , การให้บริการลูกค้าผ่านแอปฯ UOB TMRW เพื่อตอบสนองความต้องการให้มากขึ้น โดยยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่า จะลงทุนเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ แต่จะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้แน่นอน นอกจากนี้ ยูโอบี ยังต้องขยายฐานพันธมิตรให้มากขึ้นด้วย ล่าสุดได้ร่วมมือกับหลายแบรนด์ เช่น สิงคโปร์แอร์ไลน์ , มิชลินไกด์ , Club21 และ Shopee เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ลูกค้าในการและรับของรางวัล
คุณยุทธชัย เตยะราชกุล Head of Personal Finance Services ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ระบุว่า การเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ทำให้ลูกค้าบัตรเครดิตโดยรวมมีสัดส่วนประมาณ 1 ใน 3 ของตลาดบัตรเครดิตโดยรวม ถือเป็นการเสริมฐานซึ่งกันและกัน โดยในช่วง 1 ปีต่อจากนี้ ธนาคารจะดำเนินการออกบัตรใหม่ให้กับลูกค้าได้ Activate ใช้งานใหม่ทั้งหมด แต่เงื่อนไขทุกอย่างจะยังคงเดิมแบบไร่รอยต่อ
สำหรับพนักงานของธนาคารรวมทั้ง 4 ประเทศที่ยูโอบีได้ทำการเข้าซื้อนั้น จะมีเพิ่มเข้ามาประมาณ 5 พันคน เป็นพนักงานในไทยประมาณ 1,000 คน ซึ่งทุกคนจะได้ทำงานร่วมกัน โดยไม่มีการปลดพนักงานแม้แต่คนเดียว แต่ในส่วนของตำแหน่งที่ทับซ้อนกัน ก็จะพิจารณาว่าทับซ้อนกันจนเกินไปหรือไม่ ซึ่งอาจจะมีการโยกย้ายภายในตามความถนัดและสมัครใจของพนักงาน
อย่างไรก็ตาม การเข้าซื้อครั้งนี้ ทำให้ยูโอบี มีขนาดใหญ่ขึ้นเยอะมาก เป็นข้อดีของทั้งลูกค้า พนักงาน และการดำเนินธุรกิจ ที่จะมีความเข้มแข็งขึ้น และธนาคารจะเดินหน้าลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐานที่จะอำนวยความสะดวก และเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้ลูกค้ามากที่สุด