วันนี้ (10 พ.ย. 65) ภายหลัง บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN เปิดเผยผลประกอบการประจำไตสมาส 3 ปี 2565 กวาดรายได้ 1,208.7 ล้านบาท พร้อมโชว์กำไรสุทธิ 180 ล้านบาท สะท้อนการฟื้นตัวของยอดขายทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ
ทั้งนี้ จากข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้นของ TKN ในครึ่งเช้านี้ พุ่งขึ้นสู่ระดับ 9.35 บาท หรือเพิ่มขึ้น 29.86% (เวลา 12.30 น.) มูลค่าการซื้อขาย 682.66 ล้านบาท
สำหรับรายละเอียดของผลประกอบการนั้น TKN มีรายได้จากการขายประจำไตสมาส 3 อยู่ที่ 1,208.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.5% จากไตรมาสเดียวกันในปีที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้นจากไตสมาสก่อนหน้าที่ 26.1% รวมรายได้จากการขายตลอด 9 เดือนแรก 3,135.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ ยอดขายของไตสมาส 3 ปี 2565 นับเป็นไตรมาสที่ TKN สามารถกลับมาสร้างยอดขายสูงสุดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ช่วงต้นปี 2563 โดยเป็นการเติบโตที่แข็งแรงทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเป็นการเติบโตทั้งจากสินค้าใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่มสาหร่ายอบ ควบคู่ไปกับการเติบโตจากการขยายช่องทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา, มาเลเซีย และเวียดนาม ที่มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในปีนี้
นอกจากนี้ ยอดขายของ TKN ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากภายนอก เช่น สถานการณ์โรคระบาดที่เริ่มคลี่คลายลง, ผู้บริโภคเริ่มกลับมาใช้จ่ายอีกครั้ง, ปริมาณนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึงปัจจัยภายในของ TKN เอง ที่มุ่งเน้นการบริหารค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการขายและการตลาด ให้มีประสิทธิผลสูงสุดในกลุ่มผู้บริโภคที่เป็นเป้าหมายทั้งในช่องทางออนไลน์และออฟไลน์
สำหรับคาดการณ์ไตสมาส 4 ปี 2565 นั้น TKN ยังคงคาดว่า การฟื้นตัวของยอดขายทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศจะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มมีแรงผลักดันของยอดขายจากจำนวนนักท่องเที่ยวในประเทศไทยและอีกหลาย ๆ ประเทศที่เพิ่มขึ้นด้วย
ทางด้านนักท่องเที่ยวจีนนั้น TKN มองว่า ยังคงไม่กลับมาในไตรมาส 4 นี้ เนื่องจากรัฐบาลจีนยังคงนโยบายโควิดเป็นศูนย์ต่อไป แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้นก็ตาม อย่างไรก็ดี TKN ได้ทำการตลาดเพื่อเพิ่มยอดขายในตลาดต่างประเทศอื่น ๆ ที่มีศักยภาพการเติบโต โดยมุ่งเน้นเรื่องของการขยายฐานลูกค้าและสินค้าใหม่ ๆ นอกจากนี้ แนวโน้มสถานการณ์การขนส่งทางเรือที่ดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 3 นี้ จะทำให้การจัดหาตู้คอนเทนเนอร์ในการส่งออกเป็นไปได้อย่างเพียงพอและมีต้นทุนค่าขนส่งที่ควบคุมได้
ส่วนเรื่องต้นทุนของวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ที่ยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น ยังคงเป็นสิ่งที่ TKN มุ่งเน้นในการบริหารจัดการด้วยการชดเชยกับการจัดการต้นทุนการผลิตต่อหน่วยที่ลดลงจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายได้ในครึ่งปีหลัง และ TKN จะยังคงไม่มีการปรับราคาสินค้าในปีนี้
นอกจากนี้ นโยบาย GO FIRM ของ TKN ในการบริหารค่าใช้จ่ายภายในให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยไม่ให้ส่งผลต่อภาพรวมของกำไร ก็ยังคงเป็นสิ่งที่บริษัทฯ มุ่งเน้น และดำเนินการไปอย่างต่อเนื่องทั้งในปีนี้ และปีหน้าอย่างแน่นอน
ที่มา : Taokaenoi
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส