12 พฤศจิกายน 2022 หลังแพลตฟอร์มคริปโทฯ FTX ประกาศล้มละลายไม่นาน มีข้อมูลออกมาว่า แซม แบงก์แมน-ฟรายด์ (Sam Bankman-Fried) ผู้ก่อตั้ง FTX ได้แอบโอนเงินลูกค้ากว่า 10,000 ล้านเหรียญ (ราว 360,000 ล้านบาท) ไปยังบริษัท Alameda Research โดยเงินกว่า 1,000 ล้านเหรียญในนั้น (ราว 36,000 ล้านบาท) ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย
มีรายงานว่าก่อนหน้านี้ แบงก์แมน-ฟรายด์ ได้แสดงสมุดบัญชีที่มีบันทึกเกี่ยวกับการโอนเงินกว่า 10,000 ล้านเหรียญ (ราว 360,000 ล้านบาท) ไปยัง Alameda Research ให้กับเหล่าผู้บริหารอาวุโสของบริษัทดู ซึ่งถึงแม้บันทึกนี้จะเคยถูกเปิดเผยมาแล้ว แต่ช่องโหว่ที่แสดงให้เห็นว่าเงินของลูกค้าได้หายไปกว่า 1,000 ล้านเหรียญ (ราว 36,000 ล้านบาท) นั้นเพิ่งถูกพบไม่นานมานี้
โดยทางแบงก์แมน-ฟรายด์ กล่าวว่าเขาไม่เห็นด้วยกับวิธีการนำเสนอของธุรกรรมครั้งนี้ เนื่องจากมันไม่ได้เป็นการแอบโอน เพียงแต่ว่าทางบริษัท “มีวิธีการติดฉลากธุรกรรมที่ซับซ้อนและทำให้อ่านผิด” ซึ่งถึงแม้ประโยคนี้จะฟังดูไม่ค่อยเข้าใจ แต่เขาก็ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่ม และไม่ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับเงินลูกค้าที่หายไปด้วย
หลังการตรวจสอบเพิ่มเติม ทำให้ฝ่ายกฎหมายและการเงินของ FTX มาทราบภายหลังว่าแบงก์แมน-ฟรายด์มีสิ่งที่เรียกว่า ‘backdoor’ ฝังอยู่ในระบบบัญชีของบริษัท โดยแหล่งข้อมูลกล่าวว่าระบบนี้จะช่วยให้แบงก์แมน-ฟรายด์ ปรับเปลี่ยนบัญชีของบริษัทได้โดยที่คนอื่นไม่รู้ รวมถึงผู้ตรวจสอบบัญชีภายนอกด้วย ทำให้การโอนเงินกว่า 360,000 ล้านบาทนั้นไม่ถูกแจ้งเตือนจนมันถูกเปิดเผยเอง
แบงก์แมน-ฟรายด์ ได้กล่าวในทวิตเตอร์ของเขาว่าเขาตกใจมากกับข่าวที่ออกมาในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ และเขาจะปะติดปะต่อเรื่องทั้งหมดและเขียนคำอธิบายที่สมบูรณ์ให้ได้ทราบเอง
การล่มสลายของ FTX ครั้งนี้เป็นครั้งที่ใหญ่ที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และเป็นการเปลี่ยนชีวิตของแบงก์แมน-ฟรายด์อีกครั้งหนึ่ง เขาก่อตั้ง FTX ในปี 2019 และเป็นมหาเศรษฐีแสนล้านภายในไม่กี่ปี ผลักดันให้บริษัทกลายเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มคริปโทอันดับต้นของโลก และต้องเจอกับภาวะล้มละลายในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาของปี 2022 นี้เอง
ที่มา: Reuters
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส