ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (Economic Intelligence Center หรือ EIC) ได้เปิดเผยมุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต โดยระบุว่า การพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ Artificial Intelligence (AI) ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยยังมีความท้าทายอีกหลายด้าน อาทิ การพัฒนาแรงงาน, การวิจัยและพัฒนา และการลงทุน
EIC ระบุว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อผู้เล่นในห่วงโซ่การผลิตอย่างมีนัยสำคัญ และกลายเป็นความท้าทายสำหรับไทยในฐานะฐานการผลิตรถยนต์อันดับ 1 ในอาเซียน และอันดับ 10 ของโลกว่า จะปรับตัวเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป และเติบโตต่ออย่างไร
สำหรับปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI นั้น ถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีหลักที่ถูกนำไปประยุกต์ใช้อย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมยานยนต์ในเกือบทุกขั้นตอนของห่วงโซ่การผลิตที่สำคัญ ได้แก่
- การนำ AI มาใช้ในการปรับปรุงกระบวนการผลิตยานยนต์ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลภาพและระบบการมองเห็น (Computer Vision), การประมวลผลด้านภาษา และการสื่อสารโต้ตอบกับผู้ขับขี่ผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆ
- การบริหารจัดการห่วงโซอุปทาน เช่น การวิเคราะห์เพื่อคาดการณ์ความต้องการชิ้นส่วนในอนาคต การติดตามตำแหน่งของชิ้นส่วนแบบเรียลไทม์
- การพัฒนาระบบยานยนต์ไร้คนขับ หรือ Autonomous Car เพื่อให้ยานยนต์สามารถขับเคลื่อนได้อย่างปลอดภัย โดยไม่ต้องมีคนควบคุม
- การพัฒนาระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ หรือ Driver Assistance ที่ช่วยแจ้งเตือนผู้ขับขี่ ในขณะที่มีการเปลี่ยนแปลงของสภาพการจราจร สภาพอากาศ และการนำเสนอเส้นทางที่มีประสิทธิภาพ
- การบริหารจัดการข้อมูล หรือ AI Cloud Services เช่น การวิเคราะห์และเชื่อมต่อข้อมูลของรถยนต์เพื่อคาดการณ์การบำรุงรักษา, การตรวจสอบความผิดปกติ และการควบคุมความปลอดภัยของรถยนต์
ปัจจุบัน ค่ายรถยนต์ต่าง ๆ ได้นำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ในการผลิต และเป็นส่วนหนึ่งของระบบในยานยนต์ เพื่อเพิ่มความปลอดภัย และสร้างความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับขี่มากขึ้น เช่น เทสลา (Tesla) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าระดับโลก ที่นำเทคโนโลยี AI มาใช้ในระบบช่วยเหลือการขับขี่ หรือ Autopilot ตั้งแต่ปี 2014
ทั้งนี้ EIC คาดว่า ในอนาคตเทคโนโลยี AI จะถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับข้อมูลของ Goldman Sachs ที่คาดการณ์ว่า แนวโน้มการลงทุนในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ยานยนต์จะเพิ่มขึ้นถึง 24% ต่อปี ในช่วงปี 2023 – 2030 อยู่ที่ราว 100,000 ล้านเหรียญ (ราว 3,480,000 ล้านบาท) ในปี 2023 โดยเฉพาะการลงทุนพัฒนาระบบการขับเคลื่อนอัตโนมัติ
อย่างไรก็ตาม EIC มองว่า การลงทุนในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ยังคงมีความท้าทายอยู่มาก เนื่องจาก AI เป็นเทคโนโลยีที่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และมีการเปลี่ยนแปลงเร็ว รวมถึงผู้ประกอบการเองยังจำเป็นต้องปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อให้สอดรับกับการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาปรับใช้อีกด้วย
สำหรับประเทศไทยนั้น แม้ว่ารัฐบาลจะกำหนดให้ “อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่” เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยตั้งเป้าให้ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า พร้อมกับการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น AI ในการผลิตยานยนต์ แต่การพัฒนาเทคโนโลยี AI ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยยังมีความท้าทายอีก 4 ข้อ คือ
- การพัฒนาแรงงาน ทั้งการ Upskill และ Reskill เพื่อสร้างแรงงานทักษะใหม่ โดยเฉพาะทักษะด้านเทคโนโลยีดิจิทัล
- การให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา เพื่อการประยุกต์ใช้ AI อย่างเหมาะสม และตรงตามความต้องการของผู้บริโภค
- การลงทุนในอุตสาหกรรม Hardware & Software เพื่อสร้างความได้เปรียบในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ เช่น ยานยนต์ไร้คนขับ (Autonomous Car), ระบบการเชื่อมต่อ (Connectivity) เป็นต้น
- การสร้างความร่วมมือกันทั้งภายในและภายนอกอุตสาหกรรมยานยนต์ เพื่อร่วมกันวิจัยและพัฒนา รวมทั้งถ่ายทอดองค์ความรู้ระหว่างกัน
ทั้งนี้ การเอาชนะความท้าทายเหล่านี้ จะช่วยให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคตได้อย่างราบรื่น
ที่มา : EIC
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส