สำนักข่าวนิกเกอิรายงานว่า ธนาคารกลางของ สปป.ลาว ได้เริ่มทดสอบสกุลเงินดิจิทัลของตัวเองในชื่อ “DLak” หรือ “ลาวกีบดิจิทัล” แล้วในวันนี้ (7 ก.พ. 66) หลังจากที่ได้ศึกษาความเป็นไปได้มาตั้งแต่ปลายปี 2021 ร่วมกับ โซระมิตสุ (Soramitsu) บริษัทด้านเทคโนโลยีบล็อกเชนจากประเทศญี่ปุ่น
สำหรับ โซระมิตสุ เคยมีประสบการณ์ในการช่วยกัมพูชาสร้างสกุลเงินดิจิทัลของตัวเองมาแล้วในชื่อว่า “Bakong” (บากอง) เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2020 โดยคาดว่า ธนาคารกลางของ สปป.ลาว จะใช้ระบบเดียวกันนี้เป็นพื้นฐาน และมีการปรับปรุงเพิ่มเติมในการผลิตสกุลเงินดิจิทัล DLak ซึ่งจะกระจายให้กับผู้บริโภคผ่านทางธนาคารพาณิชย์ เพื่อทดสอบการใช้งานในการจ่ายเงินซื้อสินค้าตามร้านค้าต่าง ๆ
นอกเหนือจากการทดสอบการใช้งานภายในประเทศแล้ว ธนาคารกลางของ สปป.ลาว ยังมีแผนที่จะทดสอบการใช้งานแบบข้ามพรมแดนกับกัมพูชาด้วย โดยคาดหวังว่าวิธีการดังกล่าวจะทำให้การใช้งานสกุลเงินดิจิทัล DLak เป็นที่นิยมในการใช้งานมากขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ สกุลเงินดิจิทัล Bakong ของกัมพูชา และสกุลเงินดิจิทัล eNaira (อีไนรา) ของไนจีเรีย ล้วนไม่ประสบความสำเร็จเท่าไรนักในแง่ของความนิยมด้านการใช้งาน
สกุลเงินดิจิทัล หรือ CBDC (Central Bank Digital Currency) กำลังได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จากธนาคารกลางในภูมิภาคเอเชีย โดย สปป.ลาว และกัมพูชามองเห็นตรงกันว่า CBDC จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
โดยธนาคารกลางของ สปป.ลาว ระบุว่า CBDC จะช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการเงินมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบัน 70% ของประชากรลาวไม่มีบัญชีธนาคาร ดังนั้น การใช้ CBDC จะช่วยให้ประชาชนสามารถชำระเงินที่ร้านค้า หรือโอนเงินด้วยการสแกนรหัส QR บนสมาร์ตโฟนได้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีบัญชีธนาคารก็ตาม
นอกจากนี้ การชำระเงินข้ามพรมแดนของ CBDC ยังช่วยลดต้นทุนในการส่งเงินกลับประเทศของประชาชนลาวที่ไปทำงานในต่างประเทศได้ รวมถึงการค้าระหว่างจีนกับ สปป.ลาว ที่กำลังขยายตัว ก็น่าจะได้รับประโยชน์จากการนำสกุลเงินดิจิทัลมาใช้ โดยเฉพาะการทำให้อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินของ สปป.ลาว และเงินหยวนของจีนมีเสถียรภาพ
สำหรับเป้าหมายในการทดสอบครั้งนี้ จะมุ่งหาคำตอบใน 3 ด้าน ได้แก่ การเปิดให้ประชาชนเข้าถึงการชำระเงินได้ แม้จะไม่มีบัญชีธนาคาร, การลดต้นทุนในการส่งเงินกลับประเทศ และการสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจด้วการลดการพึ่งพาเงินต่างประเทศ ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยให้ ธนาคารกลางของ สปป.ลาว มีข้อมูลมากพอในการพิจารณาว่า จะเริ่มใช้งานสกุลเงินดิจิทัล DLak ในอนาคตหรือไม่
ที่มา : Nikkei
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส