วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 นางเสาวลักษณ์ ถิฐาพันธ์ ประธานคณะผู้บริหารกลุ่มธุรกิจค้าส่งแม็คโคร หรือ Makro เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 2565 เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งธุรกิจค้าส่งภายใต้แม็คโคร และธุรกิจค้าปลีกภายใต้โลตัสส์ ส่งผลให้มีรายได้รวม 469,131 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 76.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 266,367 ล้านบาท
สำหรับกำไรสุทธิของปี 2565 อยู่ 7,697 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ จำนวน 6,973 ล้านบาท (ยังไม่รวมรายการกำไรทางบัญชีจากการรวมธุรกิจ) ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายเพิ่มขึ้นเป็น 14.2% โดยมีปัจจัยมาจากการฟื้นตัวของภาพรวมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว, การขยายสาขาใหม่อย่างต่อเนื่อง และปรับรูปแบบสาขาให้ตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงการเติบโตของธุรกิจฟูดเซอร์วิสที่มีฐานลูกค้าเป็นกลุ่มโฮเรก้า ได้แก่ ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหารและจัดเลี้ยง และการวางกลยุทธ์เพิ่มยอดขายผ่านช่องทาง O2O (Online to Offline)
นอกจากนี้ นางเสาวลักษณ์ ยังเปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 ได้พิจารณาอนุมัติการเปลี่ยนชื่อบริษัทจาก บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO เป็น บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) (CP Axtra Public Company Limited) และเปลี่ยนชื่อย่อหลักทรัพย์เป็น CPAXT เพื่อสะท้อนภาพที่ชัดเจนของธุรกิจ อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงดำเนินธุรกิจภายใต้แบรนด์ค้าส่งเดิม คือ “แม็คโคร” (Makro) ขณะที่ธุรกิจค้าปลีกยังดำเนินการภายใต้แบรนด์ “โลตัสส์” (Lotus’s)
สำหรับส่วนแนวโน้มการดำเนินงานไตรมาสแรกปี 2566 คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากแผนงานขยายสาขาและพัฒนาช่องทาง O2O กำลังซื้อในกลุ่มธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกที่ปรับตัวดีขึ้นตามการฟื้นตัวของภาพรวมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว รวมถึงได้รับปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการช้อปดีมีคืน ซึ่งส่งผลดีต่อการจับจ่ายใช้สอยที่คึกคักขึ้น