ภายหลัง ซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (Silicon Valley Bank หรือ SVB) เป็นธนาคารผู้ให้สินเชื่อแก่บริษัทสตาร์ตอัปหลายแห่งในสหรัฐฯ ประกาศผลขาดทุนจากการจำหน่ายพันธบัตร 2,000 ล้านเหรียญ ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง จนนำไปสู่การแห่ถอนเงินของลูกค้า ซึ่งเวลาต่อมาหน่วยงานกำกับดูแลการเงินของสหรัฐฯ ได้สั่งปิดกิจการ SVB แล้ว
ล่าสุด เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (11 มี.ค. 66) สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) และบรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (FDIC) กำลังพิจารณาก่อตั้งกองทุนที่จะเปิดทางให้หน่วยงานกำกับดูแลกฎระเบียบสามารถเข้าไปช่วยสนับสนุนด้านการฝากเงินได้มากขึ้น เนื่องจากธนาคารต่าง ๆ เริ่มประสบปัญหาด้านความมั่นใจจากผู้ฝากเงิน ซึ่งเป็นผลเกี่ยวเนื่องมาจากการปิดกิจการของ ซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์
รายงานข่าวยังระบุว่า ขณะนี้หน่วยงานกำกับดูแลการเงินของสหรัฐฯ กำลังหารือกับบรรดาผู้บริหารในภาคธนาคารเกี่ยวกับการก่อตั้งกองทุนนี้ โดยหวังว่ามาตรการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ฝากเงิน และลดความตื่นตระหนกของประชาชนลง
ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) และบรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ (FDIC) ยังไม่มีท่าทีต่อรายงานข่าวดังกล่าว ในขณะที่ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า นายโจ ไบเดน (Joe Biden) ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ได้หารือกับนายเกวิน นิวซัม (Gavin Newsom) ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ ซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ เพื่อหาวิธีแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว
ที่มา : Reuters
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส