วันที่ 15 มีนาคม 2566 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ได้เปิดเผยถึงแนวนโยบายการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลในภาพรวม โดยครอบคลุมการกำกับดูแลตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการเติบโตของตลาดทุนและเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างยั่งยืน
สำหรับรายละเอียดของนโยบายกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล มีสาระสำคัญ คือ การออกและเสนอขายโทเคนดิจิทัลในตลาดแรก, การกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลในตลาดรอง รวมทั้งการกำกับผู้ประกอบธุรกิจตามระดับความเสี่ยง และการตรวจสอบการกระทำอันไม่เป็นธรรม
ซึ่งสอดคล้องกับข้อพิจารณา 4 ประการ ของหน่วยงานกำกับดูแลด้านตลาดทุนสากล หรือ International Organization of Securities Commissions (IOSCO) ที่สะท้อนสถานการณ์ในอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลกในช่วงที่ผ่านมา ประกอบด้วย
- การดูแลเรื่องความขัดแย้งทางผลประโยชน์
- การเก็บรักษาและการแยกทรัพย์สินลูกค้า
- การป้องกันการกระทำอันไม่เป็นธรรม
- ความร่วมมือระหว่างประเทศ
โดยมุ่งเน้นการสนับสนุนเศรษฐกิจดิจิทัล นวัตกรรม และการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการระดมทุน ในขณะที่ยังคงคุ้มครองผู้ลงทุนอย่างเหมาะสม
สำหรับการประชุม คณะกรรมการ ก.ล.ต. เมื่อวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบการทบทวนหลักเกณฑ์สำหรับผู้ให้บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัล (Custodial Wallet Provider) ให้มีความยืดหยุ่นและเหมาะสมยิ่งขึ้น โดยผู้ให้บริการฯ ที่เป็นบริษัทจดทะเบียนและบริษัทย่อยในกลุ่มที่มีประสบการณ์เก็บรักษาทรัพย์สินของลูกค้า สามารถให้บริการแก่ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ที่มีความเกี่ยวข้องกันในลักษณะที่มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ร่วมกัน) ได้ หากปฏิบัติตามเกณฑ์ความเป็นอิสระต่อกันตามที่กำหนด
ทั้งนี้ เพื่อสร้างระบบนิเวศของสินทรัพย์ดิจิทัลให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ตลอดจนสนับสนุนให้มีผู้ให้บริการฯ ในประเทศที่มีคุณภาพ และลูกค้าที่ใช้บริการจะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายของประเทศไทย ซึ่ง สำนักงาน ก.ล.ต. จะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้เกี่ยวข้องต่อไป
นอกจากนี้ คณะกรรมการ ก.ล.ต. ยังเห็นชอบให้ทบทวนหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการระดมทุนผ่านการเสนอขายโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน หรือ Investment Token เพื่อให้สอดคล้องกับระดับความเสี่ยงของผลิตภัณฑ์ และการทบทวนหลักเกณฑ์ด้านความน่าเชื่อถือของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล รวมทั้งการกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลต้องขอความเห็นชอบการประกอบธุรกิจอื่น ๆ จากสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อให้สามารถติดตามการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
พร้อมกันนี้ คณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้ให้นโยบายที่จะให้ผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์สามารถให้บริการโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน และโทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ที่มีลักษณะไม่พร้อมใช้ (Utility Token ไม่พร้อมใช้) ได้ เนื่องจากมีลักษณะและความเสี่ยงใกล้เคียงกับหลักทรัพย์ ขณะที่คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์ที่มีลักษณะพร้อมใช้ (Utility Token พร้อมใช้) มีความเสี่ยงสูง จึงมีนโยบายในการกำหนดการลงทุนโดยกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนรายย่อยให้สอดคล้องกับความเสี่ยงยิ่งขึ้นอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประสงค์จะให้บริการเกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซีและ Utility Token พร้อมใช้ ต้องแยกนิติบุคคลในการให้บริการ เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจกระทบต่อทรัพย์สินของลูกค้าและธุรกิจหลักทรัพย์ ซึ่ง สำนักงาน ก.ล.ต. อยู่ในระหว่างศึกษาข้อมูลในรายละเอียดเพิ่มเติม
ที่มา : ก.ล.ต.