ตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา (ตามเวลาประเทศไทย) ทวิตเตอร์ (Twitter) เริ่มเดินหน้าเข้าสู่ขั้นตอนการรีแบรนด์ตามความตั้งใจของ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ที่เข้าซื้อกิจการโดยสมบูรณ์มาตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 2022 ด้วยเงินมูลค่า 44,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท 

ปัจจุบัน เราจะเห็นบัญชีหลักของทวิตเตอร์ และหน้าหลักของ Twitter.com ใช้โลโก้ใหม่ที่เป็นเครื่องหมาย X แทนแล้ว (และอนาคตก็จะเป็น X.com) ตัวทวิตเตอร์ของบริษัทเองก็เปลี่ยนเป็น @X ซึ่งที่มาของชื่อดังกล่าวก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหม่แต่อย่างใด เพราะนี่คือชื่อโครงการที่มัสก์พูดเอาไว้นานแล้วในการสร้าง Everything App หรือ Super App อย่างที่คนไทยเข้าใจกันว่า แอปพลิเคชันที่มีฟังก์ชันการทำงานหลากหลาย

ลินดา ยัคคาริโน (Linda Yaccarino) ซีอีโอคนใหม่ของทวิตเตอร์กล่าวถึงวิสัยทัศน์ของบริษัทภายใต้แบรนด์ X ว่า แพลตฟอร์มนี้จะไม่ใช่โซเชียลมีเดียแบบเดิมอีกต่อไป แต่จะเป็นพื้นที่แห่งเสียง วิดีโอ การส่งข้อความ การชำระเงิน และการธนาคาร

ความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ ยังก่อให้เกิดความตื่นเต้นในโลกคริปโทเคอร์เรนซีด้วย โดยเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา ราคาของ DOGE พุ่งขึ้นสู่ 0.077 เหรียญสหรัฐฯ (2.65 บาท) ซึ่งคิดเป็นการเพิ่มขึ้น 10% ใน 24 ชั่วโมง เนื่องจากความคาดหวังของนักลงทุนที่ว่า การประกาศรีแบรนด์ในครั้งนี้จะมีการเพิ่มเติมฟีเจอร์ใหม่ที่จะสนับสนุนการชำระเงินด้วย DOGE ตามที่มัสก์ผู้เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มและผู้อุปถัมภ์ DOGE เคยกล่าวไว้

แม้ว่าทุกคนจะดูตื่นเต้นกับโลโก้และสีดำใหม่ของ X จนติดเทรนด์ทวิตเตอร์อยู่ 2 วันกว่า ๆ ในบ้านเรา แต่หากลองในมุมของแบรนด์แล้ว นักวิเคราะห์หลายรายออกมาแสดงความเห็นว่า “นี่เป็นความผิดพลาด” และอาจทำให้ทวิตเตอร์สูญเสียมูลค่าแบรนด์มากถึง 4,000 – 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 137,000 – 685,000 ล้านบาท

สตีฟ ซูซี (Steve Susi) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารแบรนด์ของ Siegel & Gale เปิดเผยกับบลูมเบิร์กว่า ทวิตเตอร์ต้องใช้เวลาถึง 15 ปี กว่าจะสร้างแบรนด์ที่มีมูลค่ามากมหาศาลขนาดนั้นในระดับโลกได้ ดังนั้น การสูญเสียชื่อ “ทวิตเตอร์” ไป จึงส่งผลกระทบทางการเงินอย่างมาก

และในแง่ของการรับรู้และการเป็นที่จดจำ ทอดด์ เออร์วิน (Todd Irwin) ผู้ก่อตั้งเอเจนซี Fazer ระบุว่า “การรีแบรนด์ในครั้งนี้คือความผิดพลาดที่สุด” เนื่องจากแทบทุกธุรกิจและเว็บไซต์ทั่วโลกในปัจจุบัน ต้องมีโลโก้และไอคอนรูปนกสีฟ้าของทวิตเตอร์ ติดอยู่เคียงข้างกับโลโก้และไอคอนของเฟซบุ๊ก (Facebook) และอินสตาแกรม (Instagram) จนแทบจะแยกกันไม่ออก

Elon Musk renamed Twitter as X
ป้ายหน้าสำนักงานใหญ่ของทวิตเตอร์ที่กำลังถูกปลดลง
Photo By AFP

ทางด้าน โจชัวร์ ไวท์ (Joshua White) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านการเงินแห่งมหาวิทยาลัยแวนเดอร์บิลต์ (Vanderbilt University) ชี้ให้เห็นว่า ความนิยมของทวิตเตอร์ทำให้คำว่า “ทวีต” และ “รีทวีต” กลายเป็นคำกริยาของวัฒนธรรมสมัยใหม่ ซึ่งถูกใช้เป็นประจำในสื่อเพื่ออธิบายว่า คนดัง นักการเมือง และคนอื่น ๆ สื่อสารกับสาธารณะผ่านโซเชียลมีเดียอย่างไร

การละทิ้งชื่อ “ทวิตเตอร์” ที่สอดคล้องกับคำว่า “ทวีต” และ “รีทวีต” มาใช้เครื่องหมาย “X” ทำให้แพลตฟอร์มแห่งนี้ต้องสร้างวัฒนธรรมของตัวเองขึ้นมาใหม่ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ความเปลี่ยนแปลงนี้ก็อาจเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ใช้งานเลิกเปรียบเทียบทวิตเตอร์ในยุคก่อน – หลังที่มัสก์เข้ามาเป็นเจ้าของกิจการก็เป็นได้

มันเป็นสิ่งที่หายากมาก ๆ ไม่ว่าจะในชีวิตหรือในธุรกิจที่คุณได้รับโอกาสครั้งที่ 2 ในการสร้างความประทับใจครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้ง

ลินดา ยัคคาริโน (Linda Yaccarino)
ซีอีโอของทวิตเตอร์

กลับมาที่เรื่องตัวเลขกันบ้าง Brand Finance บริษัทที่ปรึกษาด้านการตลาดประเมินว่า ทวิตเตอร์มีมูลค่าแบรนด์อยู่ที่ 4,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่เฟซบุ๊กอยู่ที่ 59,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และอินสตาแกรมอยู่ที่ 47,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วนมหาวิทยาลัยแวนเดอร์บิลต์ประเมินว่า ทวิตเตอร์มีมูลค่าแบรนด์อยู่ที่ 15,000 – 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ซึ่งการประเมินที่แตกต่างของสองสถาบันนี้ นักวิเคราะห์จาก Forrester Research กล่าวว่า มันเป็นเรื่องปกติ เพราะการประเมินมูลค่าแบรนด์เป็นเรื่องยากและไม่มีแนวทางเดียว นี่จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมตัวเลขที่ถูกประเมินออกมาจึงแตกต่างกันออกไป

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จาก Forrester Research และเอเจนซีหลายแห่งเห็นพ้องกันว่า แบรนด์ของทวิตเตอร์มูลค่าตกไปมากแล้ว ตั้งแต่มัสก์เข้ามาครอบครองกิจการเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2022 โดย Brand Finance ประเมินว่า ทวิตเตอร์สูญเสียมูลค่าแบรนด์ไป 32% ตั้งแต่ปีที่แล้ว จากความโลดโผนในการบริหารกิจการของมัสก์

ทั้งนี้ ทวิตเตอร์ไม่ใช่บริษัทเทคโนโลยีรายแรกที่เปลี่ยนชื่อตัวเอง เพราะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Google ก็เปลี่ยนชื่อเป็น Alphabet เพื่อให้ธุรกิจต่าง ๆ ภายในบริษัทเติบโตได้ โดยไม่ต้องผูกติดกับโปรแกรมค้นหา (Search Engines) ในขณะที่ Facebook เปลี่ยนชื่อเป็น Meta เพื่อเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของบริษัทที่มีต่อเมตาเวิร์ส (Metaverse) แต่สิ่งหนึ่งที่ยังเหมือนเดิม คือ บริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้เปลี่ยนแค่ชื่อบริษัท พวกเขาไม่ได้เปลี่ยนชื่อของผลิตภัณฑ์อย่างที่มัสก์และทวิตเตอร์ทำ

ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้บรรดานักวิเคราะห์ต่างมองว่า การรีแบรนด์ในครั้งนี้คือ “ความผิดพลาด” เนื่องจากการรับรู้และการจดจำต่อแบรนด์ของทวิตเตอร์ที่เปลี่ยนแปลงไป ย่อมหมายถึงผู้ลงโฆษณาที่เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน และนี่อาจเป็นการตอกย้ำสถานการณ์ด้านรายได้โฆษณาของแพลตฟอร์มในแย่ลงไป

ที่มา : Yahoo Finance

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส