วันที่ 31 กรกฎาคม 2566 นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด (มหาชน) หรือ ANAN ส่งหนังสือแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถึงผลกระทบจากคำพิพากษาคดีโครงการแอชตัน อโศก และแนวทางการแก้ไขของบริษัทฯ 3 ข้อ
อนันดาฯ ชี้แจงว่า บริษัทฯ ได้รับผลกระทบเฉพาะในสัดส่วนที่ลงทุนไว้ใน บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จํากัด ซึ่งเป็นโครงการร่วมลงทุนระหว่างบริษัทฯ กับ ซี อินเวสเม้นท์ ไฟว์ ไพรเวท ลิมิเต็ด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ บริษัท มิตซุย ฟูโดซัง จํากัด ในสัดส่วนการถือหุ้น 51% และ 49% (ตามลําดับ)
โดย อนันดา เอ็มเอฟฯ เป็นบริษัทผู้พัฒนาโครงการแอชตัน อโศก ซึ่งโครงการดังกล่าวมีมูลค่ารวมจํานวน 6,481 ล้านบาท และมีจํานวนยูนิตทั้งสิ้น 783 ยูนิต โดยมีจํานวนยูนิตที่โอนไปแล้วจํานวน 668 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 5,653 ล้านบาท หรือคิดเป็น 87% และปัจจุบันมีจํานวนยูนิตคงเหลือ 115 ยูนิต คิดเป็นมูลค่า 828 ล้านบาท หรือคิดเป็น 13% และการดําเนินงานของบริษัทยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
อนันดาฯ ยืนยันว่า ยังมีความสามารถในการชําระหนี้ตามตราสารหนี้และภาระผูกพันต่าง ๆ ที่มีผลผูกพันกับบริษัทฯ ได้ตามปกติ รวมทั้งยังสามารถดําเนินธุรกิจ ทําธุรกรรมกับคู่ค้าและสถาบันการเงินต่าง ๆ ได้ตามปกติ โดยบริษัทฯ ขอเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลแห่งคําพิพากษาดังกล่าว และแนวทางที่จะแก้ไขต่อไปโดยเร็ว ดังนี้
1. โครงการแอชตัน อโศก (Ashton Asoke) เป็นโครงการที่พัฒนาโดย อนันดา เอ็มเอฟฯ ผลกระทบที่เกิดขึ้น คําพิพากษาดังกล่าว นอกจากมีผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนผู้ซื้อห้องชุด หรือเจ้าของร่วมในโครงการแอชตัน อโศก แล้ว ยังส่งผลกระทบกับ อนันดา เอ็มเอฟฯ ในฐานะผู้ประกอบการโครงการนี้ด้วย
ในส่วนของอนันดาฯ และบริษัทร่วมทุน ในฐานะผู้ลงทุน และผู้ถือหุ้นของ อนันดา เอ็มเอฟฯ ก็ได้รับความเสียหายตามสัดส่วนที่บริษัทฯ ได้ลงทุนถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวด้วยเช่นกัน ดังนั้น คณะกรรมการของ อนันดา เอ็มเอฟฯ บริษัทฯ และบริษัทร่วมทุน จึงได้ร่วมกันรวบรวมความเสียหายและแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อติดต่อเจรจากับส่วนงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องต่อไปโดยเร่งด่วน
ส่วนมูลค่าความเสียหายในเบื้องต้น อยู่ระหว่างการประเมินร่วมกับผู้สอบบัญชีของบริษัทและผู้เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน และเพื่อพิจารณาการตั้งสํารองในไตรมาส 2 นี้
2. แม้ศาลปกครองสูงสุดจะพิพากษาเพิกถอนใบรับหนังสือแจ้งความประสงค์จะก่อสร้าง แต่ความเสียหายดังกล่าวยังสามารถแก้ไขได้ ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางที่ผู้แทนหน่วยงานของรัฐได้เสนอทางแก้ตามที่เป็นข่าวต่อสาธารณะไปแล้วว่า กรณีที่ศาลเพิกถอนใบอนุญาตโครงการไม่จําเป็นต้องรื้อถอนอาคาร ซึ่ง อนันดา เอ็มเอฟฯ กําลังพิจารณาหาแนวทางแก้ไขที่มีอยู่หลายแนวทาง
โดยอนันดาฯ และ อนันดา เอ็มเอฟฯ จะได้ขอเข้าพบกับหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงหัวหน้าหน่วยงานรัฐ ซึ่งถูกฟ้องในคดีเดียวกัน ได้แก่ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ภายใน 14 วันทําการ นับถัดจากวันที่ 27 กรกฎาคม 2566 ซึ่งเป็นวันที่ศาลปกครองสูงสุดได้มีคําพิพากษา เพื่อเจรจาหาทางแก้ไขกับหน่วยงานของรัฐต่อไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ศาลปกครองสูงสุดมิได้กําหนดกรอบระยะเวลาที่สั่งเพิกถอนอาคาร ว่าหน่วยงานของกรุงเทพมหานครจะต้องดําเนินการภายในเมื่อใด และมิได้กําหนดเงื่อนไขเพิ่มเติมอื่น ๆ ทั้งนี้ หน่วยงานของกรุงเทพมหานครจะเป็นผู้สั่งการให้บริษัทดําเนินการแก้ไขให้ถูกต้องตามกฎหมายต่อไป
3. อนันดา เอ็มเอฟฯ อยู่ระหว่างการประชุมหารือร่วมกันกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางในการอนุมัติ หรืออนุญาตให้ทําโครงการแอชตัน อโศก เพื่อแก้ไขความเสียหายให้แก่ประชาชนผู้ซื้อห้องชุดหรือเจ้าของร่วม รวมถึงความเสียหายของ อนันดา เอ็มเอฟฯ ผู้พัฒนาโครงการดังกล่าวด้วยความสุจริต และเป็นไปตามกฎหมายตามที่หน่วยงานของรัฐได้รับรองไว้หลายหน่วยงานมาโดยตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งการหารือกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง จะเป็นการดําเนินการควบคู่กับการพิจารณาแนวทางอื่นที่มีอยู่หลายแนวทางด้วย ซึ่งบริษัทฯ จะได้รายงานความคืบหน้าให้ทราบเพิ่มเติมต่อไป
ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส