จากกระแสในโซเชียลมีเดีย กับเหตุการณ์ที่มีหนุ่มคนหนึ่งพร้อมบอดี้การ์ด มารอรับ ลิซ่า แบล็กพิงก์ (Lisa BLACKPINK) ถึงสนามบินกรุงปารีส เพื่อเดินทางมาชมการแสดงคาบาเร่ต์ที่ Crazy Horse ซึ่งปรากฏว่าหนุ่มคนนั้นคือ เฟรเดริก อาร์โนลต์ (Frédéric Arnault) ซีอีโอของบริษัทนาฬิกาหรูอย่าง TAG Heuer ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าทั้งคู่ออกเดตกัน 

เฟรเดริก อาร์โนลต์ เป็นทายาทคนสำคัญของ แบร์นาร์ด อาร์โนลต์ (Bernard Arnault) ผู้ก่อตั้งเครือข่ายบริษัท LVMH ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์สินค้าแฟชันชื่อดังมากมาย อาทิ Louis Vuitton, Dior, Celine, Bvlgari หรือ Sephora เป็นต้น

ซึ่งด้วยวัย 28 ปี เฟรเดริก ถือเป็นซีอีโอที่อายุน้อยที่สุดในอุตสาหกรรมนาฬิกาหรู เขาดำรงตำแหน่งประธานบริษัท TAG Heuer และมุ่งมั่นว่าจะไม่หวังพึ่งบุญบารมีของพ่อ แต่จะสร้างเส้นทางของตัวเองขึ้นมา ซึ่งในบทความนี้ เราจะพาไปทำความรู้จักเขาให้มากขึ้นกับ 5 สิ่งน่ารู้ของเขากัน

1.ความรักและความผูกพันที่มีต่อนาฬิกา

เฟรเดริก อาร์โนลต์ มีความผูกพันและหลงใหลในนาฬิกามาตั้งแต่ยังเด็ก เพราะในวันเกิดปีที่ 11 ของเขา เขาได้รับของขวัญจากพ่อเป็นนาฬิกา TAG Heuer Aquaracer ซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาหลงรักนาฬิกามาตั้งแต่ตอนนั้น ปูทางให้เขาได้เข้าสู่อุตสาหกรรมนาฬิกาสุดหรูในเวลาต่อมา

ซึ่งความผูกพันของเขาต่อแบรนด์ก็ยังคงดำเนินมาจนถึงทุกวันนี้ และเป็นหนึ่งในคนที่มีความหลงใหลในผลิตภัณฑ์ของตัวเองอย่างแท้จริง เฟรเดริก หวังสร้างให้ TAG Heuer เป็นแบรนด์นาฬิกาที่ขึ้นไปอยู่อันดับต้น ๆ ของโลกให้ได้

2.มีประวัติการศึกษาที่น่าประทับใจ

เฟรเดริก อาร์โนลต์ จบการศึกษามาจาก École Polytechnique ซึ่งเป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดของฝรั่งเศส เหล่าคนที่จบจากที่นี่ ส่วนใหญ่จะทยอยไปเป็นผู้สร้างนวัตกรรมชั้นนำของโลกและอุดมไปด้วยผู้คนที่มีความสามารถทางเทคโนโลยี ซึ่งอาร์โนลต์จบปริญญาด้านคณิตศาสตร์ประยุกต์และวิทยาการคอมพิวเตอร์ ทำให้เขามีทักษะในการวิเคราะห์ที่จะเป็นประโยชน์ต่ออาชีพการงานของเขา

เขาเคยฝึกงานที่ Facebook และ McKinsey & Company ก่อนมาเริ่มงานที่ TAG Heuer จนไต่เต้าขึ้นมาเป็นซีอีโอได้ในที่สุด นอกจากนี้ เขายังพูดภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศสได้คล่องแคล่ว รวมถึงพูดภาษาอิตาลีและภาษาเยอรมันได้ด้วย

โดยในช่วงระหว่างกำลังเรียนอยู่ อาร์โนลต์ฉายแววผู้ประกอบการมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เพราะเขาได้ร่วมก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัปด้านการชำระเงินผ่านมือถือ ซึ่งต่อมาถูกบริษัทการลงทุนในฝรั่งเศสเข้าซื้อกิจการในอีก 18 เดือนต่อมา

3.หนทางสู่ซีอีโอ TAG Heuer 

คือมันเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้วที่ลูกชายจะเข้ามาบริหารกิจการต่อจากพ่อ แต่กว่าจะขึ้นมาเป็นซีอีโอ TAG Heuer ได้ พ่อของเขาก็ไม่ได้ตามใจขนาดนั้น เพราะเฟรเดริกต้องผ่านบททดสอบมากมาย จนเติบโตในหน้าที่การงานและเหมาะสมกับบทบาทซีอีโอ

ย้อนกลับไปในปี 2017 เขาเข้ามาทำงานกับ TAG Heuer ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยี เป็นเวลา 1 ปี ในปี 2018 เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์และเจ้าหน้าที่ดิจิทัลของ TAG Heuer และในอีก 2 ปีต่อมาเมื่อเขาอายุได้ 25 ปี ก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นซีอีโอได้ในที่สุด ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นยุคใหม่ของบริษัทอย่างแท้จริง

4.หัวก้าวหน้า พาบริษัทเติบโต

ไม่นานหลังจากร่วมงานกับบริษัท เขาได้มองเห็นศักยภาพในการเชื่อมโยงการผลิตนาฬิกาแบบดั้งเดิมกับการผสมผสานเทคโนโลยีขั้นสูงเข้าไป อย่างไรก็ตาม ผู้นำอุตสาหกรรมนาฬิกาส่วนใหญ่ในยุคนั้นยังคงพิถีพิถันในการสร้างนาฬิกา 1 เรือนให้ประณีตที่สุดด้วยการใช้มือคนทำ และเชื่อว่างานฝีมือแบบคลาสสิกยังคงต้องอยู่ต่อไป

ถึงแม้จะไม่ค่อยเห็นด้วย แต่เฟรเดริกมองว่าตลาดสมาร์ตวอตช์มันกำลังเติบโตและเป็นตลาดที่น่ากระโดดเข้าไปมาก ๆ เขาจึงเปิดตัว TAG Heuer Connected ซึ่งเป็นสมาร์ตวอตช์สุดหรูที่ยังคงรักษาสไตล์สวิสอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์เอาไว้ แต่ผสมผสานเทคโนโลยีล้ำสมัยเข้าไป เช่น การติดตามการออกกำลังกาย ระบบ GPS และหน้าปัดนาฬิกาที่ปรับแต่งได้ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้พิสูจน์แล้วว่าเป็นกลยุทธ์หลักที่ขับเคลื่อนแบรนด์ประวัติศาสตร์นี้เข้าสู่ตลาดสมาร์ตวอตช์ได้เป็นอย่างดี

5.มุ่งสร้างแบรนด์ดึงดูดคนคนรุ่นใหม่มากขึ้น

เฟรเดริก มุ่งมั่นนำแบรนด์ TAG Heuer ไปสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น ก่อนหน้านี้ก็เพิ่งไปร่วมงานกับ Porsche เพื่อสร้างสรรค์นาฬิการุ่นลิมิเต็ดดึงดูดกลุ่มใหม่ ๆ นอกจากนี้ ยังใช้กลยุทธ์ดึงคนดังมาโปรโมตสินค้าให้ตัวเองด้วย

อย่างเช่นการเปิดตัว ไรอัน กอสลิง (Ryan Gosling) เป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์คนใหม่ และด้วยจังหวะเวลาที่ยอดเยี่ยม ทำให้แบรนด์ก้าวกระโดดและเป็นที่พูดถึงในวงกว้างมาก ๆ เพราะกอสลิงกำลังโด่งดังจากภาพยนตร์ชุดบาร์บี้ (Barbie) พอดิบพอดี แถมยังใส่ TAG Heuer ไปในงานเปิดตัวต่าง ๆ ด้วย นอกจากนี้ ก็ยังเคยเปิดตัวนาฬิกาเอาใจวัยรุ่นอย่าง Super Mario Limited Edition เรียกว่าเอาใจคนรุ่นใหม่ไปเต็ม ๆ

ที่มา: Tatlar Asia

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส