The Global Tech Talk เวทีที่รวบรวมบุคคลสำคัญระดับโลกของวงการดิจิทัลจากนานาชาติ มาร่วมเป็น Speaker และแบ่งปันความรู้ โดยงานนี้ถูกจัดขึ้นที่ SCBX NEXT TECH เทคคอมมูนิตี้เพื่อการเรียนรู้แห่งโลกอนาคต ณ ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ซึ่งเวทีของการพูดคุยในครั้งนี้มุ่งประเด็นไปที่การถอดรหัสเทรนด์ของการทำธุรกิจในยุคดิจิทัลที่ครอบคลุมทั้งเมตาเวิร์ส บล็อกเชน และปัญญาประดิษฐ์
โดย 3 ผู้บริหารชั้นนำในวงการดิจิทัลที่มาร่วมถอดรหัสเทรนด์ ได้แก่ เซบาสเตียน บอร์เกต (Sebastien Borget) ผู้ร่วมก่อตั้งและซีโอโอของ The Sandbox, อเลจันโดร นาเวีย (Alejandro Navia) ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานของ NFT Now และเบรนดอน แมทธีสัน (Brendon Matheson) Solution Area Specialist, App Innovation จากไมโครซอฟท์ ซึ่งมีสาระสำคัญของการพูดคุยดังต่อไปนี้
ปลดล็อก Brand Value บนโลกเสมือน
เซบาสเตียน บอร์เกต (Sebastien Borget) ผู้ร่วมก่อตั้งและซีโอโอของ The Sandbox แพลตฟอร์มโลกเสมือนบนเทคโนโลยีบล็อกเชน กล่าวว่า จากรายงานของสหประชาชาติเรื่อง World Population Prospects ปี 2021 ปัจจุบัน มีชาวดิจิทัลในสัดส่วนมากกว่า 50% ของประชากรโลกแล้ว และกลุ่มคนที่เติบโตมาในยุคดิจิทัล หรือ Digital Native เหล่านี้มีการบริโภคคอนเทนต์ดิจิทัลโดยเฉลี่ยมากกว่า 12 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่งมากกว่าการดูทีวี หรืออ่านหนังสือพิมพ์
ขณะเดียวกัน มีผลสำรวจระบุว่า มากกว่า 75% ของกลุ่มคน Gen Z ไม่ได้อยากเป็นเพียงผู้บริโภคคอนเทนต์อีกต่อไป แต่ต้องการเป็นผู้สร้างคอนเทนต์ดิจิทัลเองด้วย เช่น ออกแบบตัวละครของตัวเองในเกม ที่จะเป็นตัวตนของตัวเองต่อไปในระยะยาวบนโลกออนไลน์ อีกทั้งประชากรกลุ่มนี้ ยังใช้จ่ายเงินไปกับคอนเทนต์ดิจิทัล และสินทรัพย์ดิจิทัลมากกว่าการซื้อสินทรัพย์ในโลกจริง โดยในปี 2022 มีมูลค่าการทำธุรกรรมผ่าน NFTs สูงถึง 40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 1,440 ล้านบาท ขณะที่จำนวนผู้ใช้งานแพลตฟอร์มบน Web 3.0 ได้ทะลุหลัก 100 ล้านคนไปแล้ว
บอร์เกตย้ำว่า เมตาเวิร์สเป็นโอกาสใหม่ของแบรนด์ต่าง ๆ ที่จะเข้าถึงและสร้างการมีส่วนร่วมด้วยการสร้างพื้นที่แบบเปิด 24 ชั่วโมง ให้เป็นแหล่งรวมแบรนด์และความคิดสร้างสรรค์ เป็นช่องทางพบปะกับกลุ่มเป้าหมาย หรือแฟนของแบรนด์ ให้มาทำกิจกรรมร่วมกัน เล่นเกม เชื่อมต่อแบรนด์ในประเทศไทย และคอนเทนต์ที่สร้างโดยผู้ใช้งานที่อยู่ในเมตาเวิร์สของ Sandbox ซึ่งได้จัดเตรียมระบบนิเวศทางธุรกิจจากเครือข่ายพันธมิตรหลากหลายวงการทั่วโลกไว้พร้อมแล้ว อีกทั้งจะขยายต่อเนื่อง รองรับเป้าหมายสูงสุดคือ การเพิ่มศักยภาพให้กับผู้สร้างคอนเทนต์ดิจิทัลในการสร้างประสบการณ์รูปแบบใหม่ผ่านโลกเสมือนจริงบนโซเชียลที่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นเจ้าของสินทรัพย์ หรือคอนเทนต์ดิจิทัลอย่างแท้จริง
ยกระดับสื่อสู่ Tokenized Media
อเลจันโดร นาเวีย (Alejandro Navia) ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานของ NFT Now แพลตฟอร์มชั้นนำที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี Web 3.0 กล่าวถึง อนาคตของสื่อในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่กลายเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีกระแสหลักว่า จะมีตัวขับเคลื่อนสำคัญคือ Tokenized Media ในการให้ความมั่นใจด้านความน่าเชื่อถือ และการตรวจสอบความเที่ยงตรงของสื่อได้อย่างโปร่งใส เพื่อป้องกันการส่งข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจากข่าวออนไลน์ที่ถูกส่งออกไปจากสื่อสำนักต่าง ๆ ด้วยความไม่รู้ว่า ข้อมูลนั้นเป็นข้อมูลปลอมที่เกิดจากปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งสามารถส่งผลกระทบให้กับธุรกิจสูญเสียเป็นมูลค่ามหาศาล
ในยุคที่สังคมเชื่อถือสื่อและอิทธิพลของสื่อ ทาง NFT Now จึงมองถึงการพัฒนาเครื่องมือช่วยตรวจสอบยืนยันข้อเท็จจริง โดย Sovereignty Tokenized Media Product-Suit เพื่อช่วยให้สำนักสื่อออนไลน์ต่าง ๆ สามารถปลดล็อกข้อจำกัดในการเปลี่ยนผ่านไปสู่แพลตฟอร์มที่รองรับ Web 3.0 ได้อย่างยืดหยุ่น สามารถตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลได้อย่างโปร่งใส และเพิ่มความน่าเชื่อถือให้แบรนด์
AI หนึ่งในฟีเจอร์ที่ต้องมีใน Business App
เบรนดอน แมทธีสัน (Brendon Matheson) Solution Area Specialist, App Innovation จากไมโครซอฟท์ กล่าวว่า ความก้าวหน้าของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้กลายเป็นเครื่องมือปลดล็อกสู่การเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ปัจจุบัน Generative AI ที่มีความสามารถสร้างเนื้อหาขึ้นใหม่จากข้อมูลเดิมที่ถูกใส่เข้าไป ได้เข้ามามีบทบาทเป็นหนึ่งใน Business Application ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย และสนับสนุนการปรับเปลี่ยนการทำธุรกิจสู่รูปแบบดิจิทัล
ทั้งนี้ ไมโครซอฟท์ให้ความสำคัญกับแนวโน้มนี้มาโดยตลอด โดยที่ผ่านมาได้พัฒนาร่วมกับ Open AI เพื่อนำ ChatGPT ซึ่งเป็นโปรแกรมเลียนแบบการสนทนาของมนุษย์ไปติดตั้งในผลิตภัณฑ์ทุกตัวของไมโครซอฟท์ โดยปัจจุบันมีความสามารถรองรับได้มากกว่า 100 ภาษา เพราะมองว่าด้วยความสามารถที่โดดเด่นในการโต้ตอบบทสนทนา และการจดจำข้อมูลต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจ และลูกค้าของไมโครซอฟท์ โดยนอกเหนือจากการให้ข้อมูล และตอบคำถามเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์แล้ว ยังช่วยเขียนอีเมลโต้ตอบ ร่างเอกสาร ทำสไลด์ และสรุปการประชุมได้ ล่าสุด Open AI ได้พัฒนาเวอร์ชั่นใหม่คือ ChatGPT0-4 ซึ่งเพิ่มขีดความสามารถในการประยุกต์ใช้ทางธุรกิจ
พร้อมกันนี้ แมทธีสันยกตัวอย่างของประเทศไทยว่า กลุ่มธุรกิจสยามพิวรรธน์ได้มีการประยุกต์ใช้ประโยชน์จาก Generative AI หนุนความสามารถของ ONE SIAM ซูเปอร์แอปที่ให้การรองรับการเข้าถึงธุรกรรมจากลูกค้า และพันธมิตรของสยามพิวรรธน์ได้บนแพลตฟอร์มเดียว
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส