ทรูยืนยันผลคำสั่งศาลปกครองสูงสุดไม่กระทบการควบรวมทรู – ดีแทค เพียงส่งกลับให้ศาลปกครองชั้นต้นวินิจฉัยเท่านั้น โดยในประเด็นดังกล่าว ศาลปกครองชั้นต้นได้เคยมีคำสั่งยกคำขอคุ้มครองชั่วคราวในคดีลักษณะเดียวกันนี้มาแล้ว โดยศาลเห็นว่ามติรับทราบของ กสทช. ได้อาศัยอำนาจตามที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว จึงไม่มีเหตุรับฟังว่าน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ตามที่วานนี้ (30 ตุลาคม 2566) ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้ศาลปกครองชั้นต้นรับคำฟ้องในคดีมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ยื่นฟ้องขอเพิกถอนมติ กสทช. ที่เกี่ยวเนื่องกับการควบรวมธุรกิจระหว่างทรูและดีแทคไว้พิจารณาพิพากษาตามรูปคดีต่อไปนั้น
ทรูขอชี้แจงว่า บริษัทฯ ปฏิบัติตามกฎหมายถูกต้องครบถ้วน โดยคำสั่งศาลดังกล่าวเป็นเพียงการเริ่มต้นกระบวนการจากการที่ศาลปกครองสูงสุดสั่งให้ศาลปกครองชั้นต้นรับคดีไว้พิจารณา อันเนื่องมาจากที่ผ่านมา ศาลปกครองชั้นต้นได้มีคำสั่งไม่รับฟ้องคดีของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เพราะขาดอายุความ ทางมูลนิธิฯ จึงอุทธรณ์ไปยังศาลปกครองสูงสุด ซึ่งต่อมาวานนี้ (30 ตุลาคม 2566) ศาลปกครองสูงสุดยืนว่า มูลนิธิฯ ยื่นคำฟ้องขาดอายุความจริง แต่มีเหตุที่ศาลปกครองรับไว้พิจารณาได้ โดยศาลปกครองชั้นต้นจะต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณาเนื้อหาคดีโดยละเอียดต่อไป
ทั้งนี้ ศาลปกครองชั้นต้นได้เคยมีคำสั่งยกคำขอคุ้มครองชั่วคราวในคดีลักษณะเดียวกันที่สภาองค์กรของผู้บริโภคและ บริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จํากัด หรือ AWN ได้ฟ้องขอเพิกถอนมติการควบรวมไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยศาลเห็นว่ามติรับทราบของ กสทช. ได้อาศัยอำนาจตามที่กฎหมายกำหนดไว้แล้ว จึงไม่มีเหตุรับฟังว่าน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย
นอกจากนี้ ทรูเชื่อมั่นว่าการควบรวมเป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วน ไม่เพียงแค่ประโยชน์ของผู้ใช้บริการของทั้ง 2 แบรนด์ แต่ยังเป็นประโยชน์ต่อวงการโทรคมนาคมไทย ลูกค้าผู้ใช้บริการ คนไทย และประเทศไทย อีกทั้งการควบรวมที่เกิดขึ้นก็ได้ปฏิบัติตามกฎหมายถูกต้องครบถ้วน
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส