‘ย่านสุขุมวิท’ ถือเป็น Midtown ของกรุงเทพมหานคร เป็นหนึ่งในย่านธุรกิจและแหล่งช้อปปิ้งสำคัญที่ดึงดูดผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกให้มาเยี่ยมเยือน ปัจจุบัน พื้นที่แห่งนี้มี 2 ศูนย์การค้าที่สำคัญคือ เอ็มโพเรียม (EMPORIUM) ลักซ์ชูรีมอลล์แห่งแรกในประเทศไทย และเอ็มควอเทียร์ (EMQUARTIER) ศูนย์การค้าที่ผสมผสานความหรูหราเข้ากับความเป็นสตรีท ซึ่งทั้งสองอยู่ภายใต้การดำเนินงานของ เดอะมอลล์ กรุ๊ป
นางสาวอรธิรา ภาคสุวรรณ์ กรรมการผู้จัดการอาวุโส เอ็ม ดิสทริค เล่าให้ทีมงาน beartai ฟังว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 เดอะมอลล์ กรุ๊ป มีแผนพัฒนาที่ดินในย่านนี้เพิ่มเติมอยู่แล้ว แต่ในช่วงการล็อกดาวน์ที่ผ่านมาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแนวคิดในแผนการดังกล่าว เนื่องจากพฤติกรรมของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไป หลายคนมีความต้องการที่จะทำกิจกรรมนอกบ้านมากขึ้น โหยหาร้านอาหารอร่อย คุณภาพดี ไปพร้อม ๆ กับความบันเทิงที่อยู่ในระยะเอื้อมถึง เดินทางสะดวก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ยังไม่ได้รับการสนองภายในย่านสุขุมวิท
ทาง เดอะมอลล์ กรุ๊ป จึงตัดสินใจสร้าง เอ็มสเฟียร์ (EMSPHERE) ขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการเหล่านี้ และเติมเต็มความสมบูรณ์แบบย่านการค้า เอ็ม ดิสทริค (EM DISTRICT) ให้กลายเป็นย่านธุรกิจ แหล่งช้อปปิง และศูนย์กลางความบันเทิงที่รองรับทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติด้วยแนวคิด Sleepless Metropolis หรือเมืองที่ไม่เคยหลับใหล
EMSPHERE แตกต่างและเติมเต็ม
คุณอรธิราเล่าว่า ทั้ง 3 ศูนย์การค้าในย่าน EM DISTRICT นั้นมีคาแรกเตอร์ที่แตกต่างกัน โดย EMPORIUM สะท้อนถึงความเป็นที่สุดแห่งความหรูหรา (Luxury Institute) ส่วน EMQUARTIER คือการผสมผสานระหว่างความหรูหราและความเป็นเอกลักษณ์ของไลฟ์สไตล์ (Cutting Edge Luxury & Hybrid) ในขณะที่ EMSPHERE ถูกวางให้เป็น Future Retail ซึ่งจะเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ที่มีเอกลักษณ์ในการใช้ชีวิต ทั้งแฟชั่น อาหาร ไลฟ์สไตล์ และความบันเทิง รวมถึงการตกแต่งแนวสตรีทอาร์ตและ Industrial Look ที่เปิดโล่ง ไม่ปิดกั้น ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ย่านสุขุมวิทยังไม่เคยมีมาก่อน
ดังนั้น เมื่อรวม 3 ศูนย์การค้า 3 คาแรกเตอร์เข้าด้วยกัน EM DISTRICT จะกลายเป็นย่านธุรกิจ แหล่งช้อปปิ้ง และศูนย์กลางความบันเทิงที่สามารถขับเคลื่อนถนนสุขุมวิทให้กลายเป็นย่านการค้าสำคัญเหมือนกับมหานครใหญ่ ๆ ทั่วโลก และสิ่งนี้ถือเป็นสิ่งใหม่ในวงการค้าปลีกของประเทศไทยที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน
EMSPHERE รวบรวมร้านดังกว่า 300 ร้านค้า มากกว่า 1,000 แบรนด์ บนพื้นที่กว่า 200,000 ตารางเมตรกับ 2 อาคารที่เชื่อมต่อกัน และมีที่จอดรถ 2,500 คัน โดยในแต่ละชั้นของอาคารศูนย์การค้าหลักประกอบด้วย
ชั้น G และ GM : EM MARKET ศูนย์รวมร้านอาหารชื่อดังที่มีตัวเลือกหลากหลาย ตั้งแต่ร้านอาหารข้างทานที่ถูกยกระดับคุณภาพไปจนถึงร้านดังระดับมิชลินสตาร์ เพื่อตอบโจทย์นักเดินทางที่หิวโหยและต้องการลิ้มรสชาติแบบไทยแท้ในพื้นที่ที่สะดวกสบาย โดยในช่วงแรก EM MARKET จะเปิดบริการตั้งแต่ 07.00 – 03.00 น. ซึ่งอาจมีการขยายเวลาเพิ่มเติมถึง 04.00 น. อีกในอนาคต
ชั้น M : EM GALLERY ศูนย์รวมแฟชั่นและเครื่องสำอางที่ไม่ลืมการนำเสนอแบรนด์ไทยดีไซน์เนอร์และแบรนด์เนมชั้นนำของไทย
ชั้น 1 : EM LIFESTYLE ศูนย์รวมไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ สินค้าอินเทรนด์ เครื่องประดับ สินค้าเพื่อสุขภาพ สินค้าตกแต่งบ้าน กีฬาและกิจกรรมกลางแจ้ง ซึ่งในชั้นนี้เราอาจจะได้เห็นแบรนด์ดังในโซเชียลมีเดียมาเปิดสาขาแบบ Physical เป็นครั้งแรกอีกด้วย
ชั้น 2 : EM INNOVATION แหล่งรวมนวัตกรรมล้ำสมัยจากทั่วโลกที่ไม่ได้จำกัดแค่ Gadget หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังมีการยกโชว์รูมยานยนต์แบรนด์ดังมาไว้ในชั้นนี้ เช่น Landrover, Porsche, Volvo, Hyundai และ AION แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดขายเป็นอันดับ 3 ในประเทศจีน เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสและเปิดประสบการณ์ใหม่ครั้งแรกในเมืองไทย
ชั้น 3 : IKEA SUKHUMVIT ที่เปิดบริการภายใต้แนวคิด CITY – CENTRE STORE แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีพื้นที่กว่า 12,000 ตารางเมตร โดยในสาขานี้นอกจากทุกคนได้สัมผัสกับประสบการณ์การช้อปปิง และแรงบันดาลใจในการแต่งบ้านแล้ว ยังสามารถอิ่มอร่อยกับอาหารสไตล์สวีเดน และเพลิดเพลินกับวิวแบบพาโนรามาของสวนเบญจสิริได้อีกด้วย
ชั้น 5 : EM WONDER ตอบโจทย์ Night Life และสีสันของความบันเทิงที่เป็นที่สุดสำหรับชาวไทยและนักท่องเที่ยวครบทุกรูปแบบ
ชั้น 6 : UOB LIVE ศูนย์กลางการจัดงานอินดอร์ที่ครบครันและล้ำสมัยที่สุดในอาเซียนด้วยการเป็น WORLD CLASS ARENA ที่สุดของความบันเทิงระดับโลก สามารถรองรับผู้เข้าร่วมงานได้ถึง 6,000 ที่นั่ง ตอบโจทย์รูปแบบการจัดงานที่หลากหลาย
ในขณะที่อีกหนึ่งอาคารย่อยได้มีการเนรมิตพื้นที่มากถึง 6 ชั้น เป็นศูนย์กลางด้าน Beauty And Wellness ที่ให้บริการด้านความงามและสุขภาพแบบองค์รวม โดยสามารถมองเห็นวิวแบบพาโนรามาของสวนเบญจสิริ เพื่อเพิ่มความผ่อนคลายได้อีกด้วย
FIRST TIME
คุณอรธิราเล่าว่า ไฮไลต์ของ EMSPHERE คือ FIRST TIME IN THAILAND หรือร้านค้าแฟชั่นและร้านอาหารที่มาเปิดให้บริการเป็นครั้งแรกในประเทศไทย หรือมีสาขาแห่งแรกใน EMSPHERE ได้แก่ UNITED COLORS OF BENETTON แบรนด์ดังจากอิตาลีกับแนวคิดใหม่ที่โดดเด่นด้วยเสื้อผ้าหลากสีสัน และลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ รวมถึง UNITED ARROWS และ BEAMS แบรนด์สัญชาติญี่ปุ่นที่ตอบโจทย์สไตล์มินิมอลที่ร่วมสมัย พร้อมด้วยแบรนด์ไฮไลต์อย่าง CLUB21 LAB ที่รวบรวมทั้งสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์หลากหลายแบรนด์ดังเอาไว้ นอกจากนี้ ยังมีแบรนด์จากไทยดีไซเนอร์รุ่นใหม่ที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกอย่าง VINN PATARARIN และ PIPATCHARA อีกด้วย
ด้านกลุ่มร้านอาหาร มีร้าน BREAD STREET KITCHEN & BAR ร้านอาหารบรรยากาศหรูหราสไตล์ ALL-DAY DINING ที่เสิร์ฟเมนูสุดคลาสสิกของเชฟมิชลินชื่อดังระดับโลกอย่าง กอร์ดอน แรมซีย์ (Gordon Ramsay) พร้อมด้วยร้าน STREET PIZZA พิซซ่าแป้งซาวโดวจ์อันเป็นเอกลักษณ์ ถัดมาคือ OMG หรือ OH MY GODMOTHER คาเฟ่และเบเกอรี่แห่งใหม่จากไอเบอรี่ กรุ๊ป สำหรับสายชา พลาดไม่ได้กับ NAIXUE ชานมไข่มุกหมื่นล้านจากประเทศจีน
สิ่งหนึ่งที่คุณอรธิราตื่นเต้นและภูมิใจนำเสนอคือ FIRST TIME IN SHOPPING COMPLEX หรือครั้งแรกของการเปิดตัวในศูนย์การค้าของร้านดังทั่วทั้งกรุงเทพมหานครและโซเชียลมีเดีย ได้แก่ RINTARO ร้านไอศกรีม GELATO สัญชาติญี่ปุ่น, โรงกลั่นเนื้อ ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อชื่อดังจากถนนทรงวาด, ZAO ร้านอาหารอีสานชื่อดัง และ MEDIUMS ร้านสารพัดเครื่องเขียน แนวครีเอทีฟ
นอกจากนี้ ยังมีร้านค้าและแบรนด์ดังที่สร้างสรรค์แนวคิดใหม่เพื่อ EMSPHERE โดยเฉพาะ เช่น BIANCA ร้านอาหารอิตาเลียนสุดคลาสสิก และ SHAKE SHACK ร้านเบอร์เกอร์ชื่อดังจากสหรัฐอเมริกา โดยในอนาคต คุณอรธิรากล่าวว่า จะมีการพัฒนาแนวคิดพิเศษร่วมกับแบรนด์ต่าง ๆ เพิ่มเติม เพื่อให้ EMSPHERE เป็นศูนย์กลางแห่งแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ในอนาคตอีกด้วย
ความเชื่อมโยงจากชั้นบนถึงชั้นล่าง
คุณอรธิราเล่าให้ทีมงาน beartai ฟังว่า EMSPHERE ไม่ใช่แค่ศูนย์การค้าที่มีร้านอาหารอร่อย หรือพื้นที่ที่รวบรวมร้านค้าต่าง ๆ เอาไว้ เพราะแนวคิดนี้คงไม่ได้แตกต่างอะไรจากศูนย์การค้าทั่ว ๆ ไป และไม่ได้ทำให้ EM DISTRICT กลายเป็นย่านที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติจากทั่วโลก แต่สิ่งที่ทำให้ EMSPHERE โดดเด่นและแตกต่างคือการเชื่อมโยงกันตั้งแต่ชั้นบนจนถึงชั้นล่าง
ลองนึกภาพว่า เรามางานคอนเสิร์ตที่ UOB LIVE เลิกสัก 4 ทุ่ม รู้สึกหิว ๆ คุณลงมาที่ชั้นล่างสุดคือ EM MARKET ที่นี่มีอาหารหลากหลายให้คุณได้เลือก หรือใครยังมีแรงอยากไปเที่ยวต่อ เรามีชั้น EM WONDER ที่คอยตอบโจทย์ Night Life ซึ่งปลอดภัยมากขึ้นด้วยทางเดินที่เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า หรือบริการจากพาร์ตเนอร์อย่าง U DRINK I DRIVE ซึ่งการเชื่อมโยงทั้งหมดนี้ทำให้ไม่ว่าคุณจะมีเวลาน้อยแค่ไหนก็สามารถสัมผัสประสบการณ์ได้อย่างรอบด้าน หากเดินทางมาที่ EMSPHERE
ประเดิมก่อนเปิดด้วยรางวัล
จากแนวคิดในการสร้างสรรค์ดังกล่าว ทำให้ EMSPHERE และ EM DISTRICT คว้ารางวัลการันตีจากงาน PROPERTYGURU THAILAND PROPERTY AWARDS 2023 ซึ่งเป็นงานประกาศรางวัลสุดยอดอสังหาริมทรัพย์แห่งประเทศไทยถึง 2 รางวัล ได้แก่ THE BEST RETAIL DEVELOPMENT จากแนวคิดการพัฒนาโครงการและการออกแบบที่มีลักษณะพิเศษคือ INDUSTRIAL STYLE และ THE BEST RETAIL DEVELOPER จากแนวคิดของการพัฒนาย่านการค้าเพื่อยกระดับกรุงเทพมหานคร
ทั้งนี้ ในส่วนของเทรนด์และไลฟ์สไตล์ของ EMSPHERE จะมีการเปิดให้บริการในวันที่ 1 ธันวาคม 2566 นี้ ซึ่งจะมาพร้อมกับแคมเปญ “EM DISTRICT CALLING THE WORLD” โดยมีพันธมิตรจากทุกธุรกิจกว่า 100 องค์กร ร่วมมอบรางวัลรวมมูลค่า 100 ล้านบาท ที่มีให้ลุ้นตั้งแต่คอนโดมิเนียมสุดหรูใจกลางเมืองจากศุภาลัย, ทริปท่องเที่ยวเรือสำราญจาก EXCELLENT VACATION GROUP และรางวัลพิเศษอีกมากมายระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2566 – 31 มกราคม 2567
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส