วันพฤหัสบดีที่ 28 มีนาคม กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) ประกาศว่า ซามูเอล แบงก์แมน-ฟรายด์ (ในวงการคริปโทเรียกเขาว่า SBF) ผู้ร่วมก่อตั้งแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโท FTX และบริษัทการค้า Alameda Research ได้ถูกตัดสินโดย ลูอิส เอ. แคปแลน (Lewis A. Kaplan) ผู้พิพากษาประจำเขตทางตอนใต้ของนิวยอร์ก ให้ถูกจำคุก 25 ปี รวมทั้งจะถูกควบคุมความประพฤติเมื่อมีการปล่อยตัวเป็นเวลา 3 ปี และต้องจ่ายค่าปรับ 11,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (399,850 ล้านบาท)
นอกจากนี้ผู้พิพากษาแคปแลนได้อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ จัดสรรทรัพย์สินที่ริบมาจากแบงก์แมน-ฟรายด์ นำไปชดใช้ให้กับผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อของการฉ้อโกงด้วย
รายละเอียดในคดีเผยว่า แบงก์แมน-ฟรายด์ ได้ยักยอกเงินของลูกค้าหลายพันล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่ฝากไว้กับ FTX การฉ้อโกงนักลงทุนใน FTX มากกว่า 1,700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (61,795 ล้านบาท) และใน Alameda อีกกว่า 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (47,255 ล้านบาท) ซึ่งมีผลทำให้เขาถูกตัดสินว่ากระทำความผิดหลายกระทงด้วยกัน ได้แก่ การฉ้อโกงผ่านระบบธนาคาร การสมคบคิดที่จะกระทำการฉ้อโกงผ่านระบบธนาคาร การฉ้อโกงหลักทรัพย์ การฉ้อโกงสินค้าโภคภัณฑ์ และการฟอกเงิน
มาร์ค มูคาซีย์ (Mark Mukasey) ทนายความของแบงก์แมน-ฟรายด์ขึ้นว่าความต่อศาลว่า แบงก์แมน-ฟรายด์กระทำโดยการชี้นำทางตรรกะและคณิตศาสตร์ มากกว่าความโลภหรือความกระหายอำนาจ รวมทั้งอ้างว่าแบงก์แมน-ฟรายด์ได้รับการรักษาด้วยยารักษาโรคสมาธิสั้น เนื่องจากเขาเป็นโรคออทิสติกโดยไม่ได้รับการวินิจฉัย จึงควรผ่อนปรนให้เขาได้รับการรักษา อีกทั้งเป็นคนที่เห็นแก่ผู้อื่น มีสติปัญญาและจรรยาบรรณในการทำงานที่โดดเด่น ควรมีโอกาสในการสร้างครอบครัว จึงขอความเห็นใจจากศาล
เมอร์ริค บี. การ์แลนด์ (Merrick B. Garland) อัยการสูงสุดให้ความเห็นโดยเตือนว่า ใครก็ตามที่คิดจะฉ้อโกงลูกค้าและนักลงทุนเพื่อความมั่งคั่งและอำนาจควรคิดถึงโทษที่ร้ายแรงให้มาก ๆ ส่วน คริสโตเฟอร์ เรย์ (Christopher Wray) ผู้อำนวยการเอฟบีไอเผยว่า การตัดสินคดีนี้เป็นคำเตือนคนที่จะคิดฉ้อโกงเพื่อตัวเองย่อมได้รับผลที่ตามมา