ซัมซุง อิเลคทรอนิคส์ (Samsung Electronics) คาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้นเกือบ 9 เท่าจากไตรมาสแรกจากปีก่อนหน้า เนื่องจากราคาเซมิคอนดักเตอร์ที่ฟื้นตัวและกระแส AI ในสมาร์ทโฟน จะช่วยเพิ่มรายได้ ซึ่งเกิดจากช่วงที่ชิปตกต่ำอย่างรุนแรง
ชิป โครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคต
รายงาน กำไรจากการดำเนินงานของซัมซุง ผู้ผลิตชิปหน่วยความจำและทีวีรายใหญ่ที่สุดของโลก มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 5.7 ล้านล้านวอน (ประมาณ 1.5 แสนล้านบาท) ในไตรมาสแรกของปี ที่สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2567 ตามค่าเฉลี่ยของ LSEG SmartEstimate ผู้ให้บริการข้อมูลและเทคโนโลยีทางการเงิน
หากเป็นเช่นนั้น คงจะถือเป็นกำไรสูงสุดของซัมซุงที่โตแบบก้าวกระโดด 9 เท่า นับตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2565 ที่มีกำไรจากการดำเนินงาน 6.4 แสนล้านวอนในไตรมาสแรกของปีที่แล้ว
ซึ่งในช่วงไตรมาสแรก 2567 ราคาชิปหน่วยความจำเพิ่มขึ้นประมาณ 20% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าสำหรับชิป DRAM ที่ใช้ในอุปกรณ์เทคโนโลยี และ 23% ถึง 28% สำหรับชิป NAND Flash ที่ใช้สำหรับการจัดเก็บข้อมูล ตามข้อมูลของผู้ให้บริการข้อมูล TrendForce
แนวโน้มความต้องการชิปหน่วยความจำที่เป็นบวก รวมถึงความต้องการชิปเช่นหน่วยความจำแบนด์วิดธ์สูง (HBM) ที่ใช้ในชิปเซ็ตปัญญาประดิษฐ์ที่เพิ่มมากขึ้น ได้ผลักดันให้หุ้นของ Samsung เพิ่มขึ้น 29% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
ปรากฏการณ์ Galaxy S24 ที่มี AI
ขณะเดียวกัน ธุรกิจมือถือของบริษัทซัมซุง มีแนวโน้มผลกำไรจากการดำเนินงานประมาณ 3.8 ล้านล้านวอน (ประมาณ 1 แสนล้านบาท) ตามการคาดการณ์โดยเฉลี่ยจากนักวิเคราะห์ 12 คน ซึ่งต่ำกว่ากำไรจากการดำเนินงาน 3.94 ล้านล้านวอนในปีที่แล้วเล็กน้อย
จนกระทั่ง Samsung เริ่มจำหน่ายสมาร์ทโฟนเรือธง Galaxy S24 รุ่นล่าสุดเมื่อปลายเดือนมกราคม 2567 พร้อมด้วยฟังก์ชัน AI มากมาย เพื่อแข่งขันกับคู่แข่ง Apple สิ่งนี้ทำให้ Samsung สามารถจัดส่งสมาร์ทโฟนได้ประมาณ 57 ล้านเครื่องในช่วงไตรมาสแรก เพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสก่อนหน้า ตามข้อมูลของ Eugene Investment & Securities
อย่างไรก็ตาม ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี จะประกาศผลประกอบการเบื้องต้นในวันศุกร์ ก่อนที่จะรายงานตัวเลขเต็มในปลายเดือนนี้