วันพุธที่ 17 เมษายน ช่วงเวลา 23.00 น. บิตคอยน์ (Bitcoin) ได้ร่วงลงมามากกว่า 5% ต่ำกว่า 60,000 เหรียญสหรัฐฯ (2,200,000 บาท) จากระดับราคาระหว่างวันที่ 63,000 เหรียญสหรัฐฯ (2,300,000 บาท) เนื่องจากการเทขายออกของตลาดที่ส่งผลต่อตลาดคริปโทในวงกว้าง ควบคู่ไปกับการลดลงของตลาดหุ้นเช่นกัน ล่าสุดเวลา 10.00 น. ราคาได้ฟื้นขึ้นสู่ 62,150 เหรียญสหรัฐฯ (2,2,281,930 บาท)
เมื่อคืนช่วงเวลากัน อีทีเรียม (ETH) ได้ลดลงต่ำกว่า 3,000 เหรียญสหรัฐฯ (110,160 บาท) เหลือเพียง 2,914 เหรียญสหรัฐฯ (107,038 บาท) ล่าสุดฟื้นขึ้นมาอยู่ที่ 3,030 เหรียญสหรัฐฯ (111,376 บาท)
ข้อมูลของ Coinglass แสดงให้เห็นว่าการเทขายคริปโท ทำให้เกิดการชำระบัญชีในตลาดคริปโทมูลค่า 216 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (7,935 ล้านบาท) ในช่วง 24 ชั่วโมง ซึ่งมีนักลงทุนที่ได้รับผลกระทบมากกว่า 67,000 ราย และมีนักลงทุนรายหนึ่งที่สูญเสียเงินคนเดียวจัง ๆ ถึง 5,400,000 เหรียญสหรัฐฯ (198 ล้านบาท) จากคู่การซื้อขาย ETH-USD
หลายคนสงสัยว่าการเทขายคริปโทในตลาดช่วงนี้ เกิดจากกระแสข่าวและความตึงเครียดจากสงครามระหว่างอิหร่านและอิสราเอล หลังจากอิหร่านได้ปล่อยโดรนและยิงขีปนาวุธโจมตีอิสราเอลเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และเผยว่าจะโจมตีแค่นี้ก่อนเพื่อเอาคืนที่ถูกอิสราเอลยิงถล่มสถานกงสุลในซีเรีย พร้อมขู่ว่าถ้าอิสราเอลไม่จบจะเจอหนักกว่านี้ ส่วนอิสราเอลได้ประชุมและมีผลสรุปว่าจะไม่จบเพีัยงแค่นี้ ถ้าจบก็เท่ากับกลัวคำขู่
นอกจากนี้สันนิษฐานว่าการร่วงลงของบิตคอยน์ เกิดจากประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ เจอโรม พาวเวลล์ เผยว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจถูกเลื่อนออกไปนานกว่าที่คาดไว้ในตอนแรก เนื่องจากค่าเงินเฟ้อยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง