วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม Apple ได้รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 2 ที่เหนือกว่าความคาดหมายเล็กน้อย และประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนมูลค่า 110,000 ล้านเหรียญ (4,000,000 ล้านบาท) ซึ่งเป็นการซื้อหุ้นคืนครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ จึงส่งผลให้ในวันศุกร์หุ้นของ Apple ได้พุ่งขึ้น 6% ซึ่งดีที่สุดนับตั้งแต่ 30 พฤศจิกายน 2022
Apple ประกาศกำไรต่อหุ้น (EPS) ที่ 1.53 เหรียญ (56 บาท) จากรายรับ 90,750 ล้านเหรียญ (3,339,781 ล้านบาท) ซึ่งสูงกว่าตัวเลขที่นักวิเคราะห์ประมาณการกำไรต่อหุ้นเอาไว้ที่ 1.5 เหรียญ (55 บาท) จากรายรับ 90,010 ล้านเหรียญ (3,312,548 ล้านบาท)
แต่ทั้งนี้ยอดขายโดยรวมของ Apple ได้ลดลง 4% และยอดขาย iPhone ได้ลดลงถึง 10% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความต้องการของสมาร์ตโฟนรุ่นล่าสุดที่ลดลง ทั้งนี้นักวิเคราะห์จาก Bank of America เผยว่าหุ้นของ Apple ถือว่าเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของนักลงทุนเมื่อวันศุกร์ เนื่องจากมีความคาดหวังว่าจะมีการเปิดตัว Generative AI บน iPhone ในปีนี้
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ของ JPMorgan เผยว่าแม้การเติบโตของรายได้โดยรวมจะดูเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่ก็พอจะมองเห็นโอกาสในการสร้างรายได้ที่เพิ่มขึ้นในปีต่อ ๆ ไป จากผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ และสมาร์ตโฟนที่ขับเคลื่อนด้วย AI