นางแซนดี้ คลาริน (นามสมมติ) นักลงทุนชาวแคลิฟอร์เนียที่ขาดทุนมหาศาล 250,000 เหรียญ (ประมาณ 9,200,000 บาท) หลังลงทุนในบิตคอยน์และคริปโทเคอร์เรนซีอื่น ๆ กับบริษัท BlockFi ซึ่งต้องล้มละลาย เมื่อพันธมิตรอย่าง FTX ประสบปัญหาฉ้อฉล เธอจึงนำประสบการณ์การขาดทุนมาแบ่งปันเป็นบทเรียนราคาแพง ไว้ดังนี้

  1. ถือกุญแจประจำตัวของคุณเอง อย่าปล่อยให้เงินคริปโทฯ ของคุณอยู่บนแพลตฟอร์ม Exchange เท่านั้น แต่ควรย้ายเหรียญออกมาเก็บไว้ในกระเป๋าเงินดิจิทัลส่วนตัว หรือที่เรียกว่า Hardware Wallet จะได้ไม่ถูกแพลตฟอร์มนั้นยึดเหรียญไว้หรือเพื่อช่วยป้องกันการล้มละลายของแพลตฟอร์มได้อีกด้วย
  2. ระวังเหรียญคริปโททางเลือกหรืออัลท์คอยน์ อาทิ โดจคอยน์ (Dogecoin) ซึ่งมีความผันผวนสูง และขาดมูลค่าตามหลักเศรษฐศาสตร์ อัลท์คอยน์ (Altcoin) ส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นโดยไม่มีจุดประสงค์ทางเศรษฐกิจที่แท้จริง เป็นเพียงการเก็งกำไรระยะสั้น ทำให้ขาดความมั่นคงและมูลค่าในระยะยาว นอกจากนั้นยังมีความผันผวนสูงมาก บางเหรียญอาจสูญค่าไปเป็นศูนย์ภายในระยะเวลาอันสั้น
  3. ควรพิจารณาลงทุนในสินทรัพย์มีตัวตนมากกว่าดิจิทัล อย่างอสังหาริมทรัพย์ หุ้นปันผล หรือกองทุนประกันชีวิตแบบได้เงินคืน สินทรัพย์เหล่านี้มีความมั่นคงและน่าเชื่อถือมากกว่า มีรายได้ประจำจากค่าเช่า เงินปันผล หรือผลตอบแทนที่แน่นอน และได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายสูง ในขณะที่สินทรัพย์ดิจิทัลอย่างคริปโทฯ ยังอยู่ในช่วงอันตรายสำหรับผู้ที่ไม่ศึกษาให้เข้าใจและยังปราศจากการกำกับดูแลจากหน่วยงานต่าง ๆ
  4. ศึกษาและทำความเข้าใจอย่างละเอียดก่อนลงทุนในคริปโทฯ และใช้เงินที่พร้อมจะสูญเสียได้เท่านั้น เพราะคริปโทเป็นสินทรัพย์เสี่ยงสูง มีความผันผวนมหาศาล จำเป็นต้องทำความเข้าใจกลไกการทำงาน ปัจจัยกำหนดมูลค่า รวมถึงความเสี่ยงต่าง ๆ อย่างถ่องแท้ ไม่ควรลงทุนจำนวนมากเกินกว่าที่พร้อมจะขาดทุนได้ เพราะมีโอกาสสูญเสียทั้งหมดได้

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจำนวนมากลงทุนและเก็งกำไรในสกุลเงินดิจิทัลในช่วงขาขึ้น ทำให้ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่โชคดีขนาดนั้น นางแซนดี้ คลาริน นักลงทุนจากแคลิฟอร์เนีย ลงทุนมหาศาลในคริปโท และขาดทุนมหาศาลเช่นกัน

แม้จะเจอประสบการณ์ล้มเหลวครั้งนี้ แต่คลารินยังคงเชื่อมั่นในอนาคตของบิตคอยน์ โดยตระหนักดีถึงความจำเป็นในการศึกษาและระมัดระวังก่อนลงทุนในสินทรัพย์ความเสี่ยงสูงประเภทนี้