เมื่อวานนี้ วันที่ 5 มิถุนายน 2567 บริษัท Nvidia ผู้ผลิตชิปประมวลผลกราฟิกชั้นนำของโลก มีมูลค่าทะลุ 3 ล้านล้านเหรียญ (ประมาณ 110 ล้านล้านบาท) ได้ก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทมหาชนที่มีมูลค่าตลาดสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก แซงหน้า Apple โดยมีเพียงไมโครซอฟท์เท่านั้นที่ยังคงรั้งตำแหน่งอันดับ 1 ไว้ได้ ด้วยมีมูลค่าตลาด 3.14 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 114 ล้านล้านบาท)
อนาคตที่สดใสของ Nvidia
การเติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้ มาจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อศักยภาพของ Nvidia ในการเป็นผู้นำเทคโนโลยีชิปสำหรับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาด เห็นได้จากราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นกว่า 5% ในวันเดียว ส่งผลให้มูลค่าตลาดของบริษัททะลุ 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นครั้งแรก
ปัจจุบัน Nvidia ครองส่วนแบ่งตลาดชิป AI สำหรับศูนย์ข้อมูลสูงถึง 80% และกำลังดึงดูดเงินลงทุนมหาศาลจากบรรดาผู้ให้บริการคลาวด์ยักษ์ใหญ่ ความสำเร็จนี้สะท้อนจากรายได้ในส่วนธุรกิจศูนย์ข้อมูลที่พุ่งสูงขึ้น 427% เมื่อเทียบกับปีก่อน แตะที่ 2.26 หมื่นล้านเหรียญ (ประมาณ 824,000 ล้านบาท) คิดเป็น 86% ของรายได้ทั้งหมด
ความต้องการที่ลดลงของ Apple
ในทางกลับกัน Apple กำลังเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ทั้งยอดขาย iPhone ที่ลดลง 10% ปัญหาความต้องการในตลาดจีน และกระแสตอบรับที่ไม่ชัดเจนต่อแว่น VR รุ่นใหม่ Vision Pro ส่งผลให้ราคาหุ้นเพิ่มขึ้นเพียง 5% ในปีนี้
ทั้งนี้ แม้ Apple จะเคยเป็นบริษัทแรกที่มีมูลค่าตลาดทะลุ 1 และ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ในปีนี้ก็ถูกไมโครซอฟท์และ Nvidia แซงหน้าไปแล้ว โดยทั้งสองบริษัทต่างได้รับประโยชน์จากกระแส AI ที่กำลังมาแรง
สำหรับ Nvidia แม้จะมีความผันผวนสูงกว่า Apple แต่ก็ได้พิสูจน์ถึงความสามารถในการปรับตัว จากบริษัทที่เน้นผลิตชิปสำหรับเล่นเกมและขุดคริปโทเคอร์เรนซี สู่การเป็นผู้นำในยุค AI ที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ส่งผลให้ราคาหุ้นพุ่งขึ้นกว่า 3,290% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
ดังนั้นการก้าวขึ้นมาของ Nvidia สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกเทคโนโลยี โดยเฉพาะการมาถึงของยุค AI ที่กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจโลก