บริษัท Berkshire Hathaway ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ ซึ่งเป็นนักลงทุนช่วงเริ่มต้นใน BYD บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของจีน ได้ทยอยลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวลง
โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ Berkshire ได้ขายหุ้น BYD จำนวน 1,300,000 หุ้นในตลาดหุ้นฮ่องกง มูลค่า 39.8 ล้านเหรียญ (ประมาณ 1,435 ล้านบาท) ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทลดลงจากเดิม 7.02% เหลือเพียง 6.9% เท่านั้น
ครั้งแรก Berkshire ได้ซื้อหุ้น BYD ประมาณ 225 ล้านหุ้นในปี 2008 ด้วยมูลค่า 230 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 8,466 ล้านบาท) การลงทุนในครั้งนั้นถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เนื่องจากตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในจีนและที่อื่น ๆ มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ในปี 2022 Berkshire ได้ขายหุ้นครึ่งหนึ่งของสัดส่วนการถือหุ้นทั้งหมด หลังจากที่หุ้น BYD พุ่งขึ้นกว่า 600% สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนเมษายน 2022 นับตั้งแต่ต้นปี 2008
ทำไมสุดยอดนักลงทุนแห่งอเมริกาถึงซื้อหุ้นจีน
วอร์เรน บัฟเฟตต์กล่าวว่า “เครดิตการลงทุนใน BYD ทั้งหมด 100% ควรยกให้แก่ชาร์ลี มังเกอร์ รองประธานบริหารของ Berkshire Hathaway ในขณะนั้น”
ซึ่งอิทธิพลของ Charlie Munger อดีตรองประธานบริหาร Berkshire มีส่วนสำคัญในการลงทุนใน BYD ซึ่งบริษัทก่อตั้งโดย Wang Chuanfu ที่เริ่มต้นจากการผลิตแบตเตอรี่สำหรับโทรศัพท์มือถือในทศวรรษ 1990 ก่อนจะหันมาผลิตรถยนต์ในปี 2003 และกลายเป็นแบรนด์รถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในจีน รวมถึงเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่
อย่างไรก็ตาม การขายหุ้นเรื่อย ๆ ของ Berkshire Hathaway แทบไม่มีผลต่อราคาหุ้น BYD เลย โดยที่หุ้นของ BYD ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 9% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ และปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.7% ในการซื้อขายนอกประเทศสหรัฐในวันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน 2567
เพราะเหล่านักลงทุนได้วิเคราะห์ระหว่างการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้นในหมู่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ากับการเติบโตของยอดขาย โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนพฤษภาคม BYD มียอดจัดส่งรถยนต์ไฟฟ้าแล้วเกือบ 1.3 ล้านคัน เพิ่มขึ้นราว 27% เมื่อเทียบกับช่วง 5 เดือนแรกของปี 2023
และในไตรมาสที่ 4 ของปี 2023 BYD สามารถแซงหน้า Tesla กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในโลก มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่าคู่แข่งจากสหรัฐอเมริกา