Netflix (NFLX) ทำให้ตลาดฮือฮาหลังรายงานผู้สมัครใหม่ในไตรมาสที่ 4 ปี 2024 มากถึง 18.9 ล้านราย ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท ส่งผลให้หุ้น Netflix พุ่งขึ้นกว่า 14% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ

ขณะเดียวกันบริษัทได้ประกาศขึ้นราคาสมาชิกในหลายประเทศ รวมถึงสหรัฐฯ และแคนาดา พร้อมกับส่งสัญญาณการซื้อหุ้นคืนวงเงิน 15,000 ล้านเหรียญ

รายได้-กำไรโตเหนือคาด พร้อมขยายตลาดกีฬา

Netflix รายงานรายได้ไตรมาสที่ 4 อยู่ที่ 10,250 ล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อนหน้า และกำไรต่อหุ้น (EPS) อยู่ที่ 4.27 เหรียญ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 22.2% สำหรับไตรมาสนี้

โดยหนึ่งในจุดเด่นที่ช่วยเพิ่มจำนวนสมาชิกใหม่คือการถ่ายทอดสดรายการกีฬายอดนิยม เช่น การแข่งขันชกมวยระหว่าง Jake Paul และ Mike Tyson ซึ่งมีผู้ชมทั่วโลกกว่า 108 ล้านคน และเกม NFL ในวันคริสต์มาสที่ดึงผู้ชมเฉลี่ย 30 ล้านคนต่อเกม

กลยุทธ์เน้นคอนเทนต์ Exclusive ดึงสมาชิก

แม้ Netflix จะลงทุนในกีฬาถ่ายทอดสดเพิ่มขึ้น แต่บริษัทเน้นย้ำว่าจะไม่แย่งสิทธิ์การถ่ายทอดกีฬาในฤดูกาลปกติ โดยมุ่งเน้นไปที่ อีเวนต์พิเศษที่ไม่ควรพลาด เช่น รายการมวยปล้ำ WWE และการแสดงโชว์กลางแจ้งของศิลปินดัง

Netflix ยังยืนยันว่ากลยุทธ์การปรับขึ้นราคาและการเปิดตัวแพ็กเกจที่รองรับโฆษณา (ราคาถูกหว่าปกติ) ให้ผลลัพธ์ที่ดี โดยกว่า 55% ของผู้สมัครใหม่เลือกใช้แพ็กเกจนี้ ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้จากโฆษณาเป็นเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา

ด้วยความสำเร็จนี้ Netflix ได้กลายเป็นผู้นำในตลาดสตรีมมิงอย่างสมบูรณ์แบบ หุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นกว่า 77% ตลอดปี 2024 นำหน้าดัชนี S&P 500 ที่เพิ่มขึ้นเพียง 24%

นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทอนุมัติการซื้อหุ้นคืนเพิ่มอีก 15,000 ล้านเหรียญ ตอกย้ำความเชื่อมั่นในความสามารถของ Netflix ที่จะรักษาโมเมนตัมนี้ไว้