ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เดินหน้าผลักดันนโยบายคริปโทฯ ของประเทศด้วยการออกคำสั่งพิเศษให้จัดตั้งกลุ่มทำงานเพื่อเสนอกรอบกำกับดูแลใหม่สำหรับสินทรัพย์ดิจิทัล พร้อมสำรวจแนวทางจัดตั้งคลังสำรองสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งชาติ ซึ่งอาจรวบรวมคริปโทเคอเรนซีที่รัฐบาลยึดมาได้อย่างถูกกฎหมาย

ขณะเดียวกัน คำสั่งนี้ยังยืนยันไม่สนับสนุนการสร้างเงินดิจิทัลของธนาคารกลางสหรัฐฯ (CBDC) ที่อาจแข่งขันกับคริปโทเคอเรนซีที่มีอยู่ในตลาด

นอกจากการตั้งกลุ่มทำงาน คำสั่งของทรัมป์ยังสนับสนุนการยกเลิกคำแนะนำทางบัญชีของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ซึ่งทำให้บริษัทที่ดูแลคริปโทเคอเรนซีต้องเผชิญต้นทุนสูงเกินความจำเป็น โดยคำสั่งนี้ได้รับเสียงชื่นชมจากผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมที่มองว่าเป็นจุดเริ่มต้นของนโยบายที่โปร่งใสและเอื้อต่อการเติบโตของคริปโทฯ ในสหรัฐฯ

นี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญในนโยบายสินทรัพย์ดิจิทัลของสหรัฐฯ ที่จะนำไปสู่การสร้างกฎระเบียบที่ชัดเจนและสอดคล้องกัน

นาธาน แม็คคอลีย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Anchorage Digital กล่าว

จัดตั้งทีมผู้เชี่ยวชาญ

กลุ่มทำงานจะนำโดย เดวิด แซคส์ อดีตผู้บริหาร PayPal และนักลงทุนที่มีบทบาทในวงการคริปโต โดยมีสมาชิกประกอบด้วยรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ประธาน SEC และ CFTC รวมถึงหัวหน้าหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อพัฒนากรอบกำกับดูแลที่ครอบคลุมสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น สเตเบิลคอยน์ ที่มีการตรึงมูลค่ากับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ได้แก่ USDT เป็นต้น

ซึ่งคำสั่งดังกล่าวยังเปิดโอกาสให้ศึกษาความเป็นไปได้ในการตั้งคลังสำรองสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งชาติ ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากคริปโทฯ ที่รัฐบาลยึดได้จากการบังคับใช้กฎหมาย แม้ยังไม่มีรายละเอียดชัดเจนว่าโครงการนี้จะเริ่มต้นอย่างไร แต่นักวิเคราะห์บางส่วนคาดว่ากระทรวงการคลังอาจใช้กองทุนแลกเปลี่ยนเงินตรา (Exchange Stabilization Fund) เป็นกลไกดำเนินการ

ด้วยการเคลื่อนไหวเชิงรุกนี้ สหรัฐฯ อาจก้าวสู่บทบาทผู้นำระดับโลกด้านสินทรัพย์ดิจิทัลในไม่ช้า ขณะที่คำสั่งล่าสุดนี้ได้รับการจับตามองอย่างใกล้ชิดในแวดวงเศรษฐกิจและเทคโนโลยี

“ประธานาธิบดีทรัมป์แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งแต่ต้นที่จะรักษาความเป็นผู้นำของสหรัฐฯ ในการนำนวัตกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลมาปรับใช้” วุฒิสมาชิกทิม สก็อต ประธานคณะกรรมการธนาคารของวุฒิสภาสหรัฐฯ กล่าว