ราคาหุ้นของ Apple พุ่งขึ้น 3% หลังประกาศผลประกอบการไตรมาสแรก ปีงบประมาณ 2025 แม้ว่ายอดขาย iPhone จะต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แต่รายได้จากธุรกิจบริการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ช่วยหนุนภาพรวมของบริษัทให้ยังคงเติบโตได้ดี

  • Apple รายงานรายได้รวม 124,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 4.35 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อน
  • กำไรสุทธิ 36,330 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.27 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 7.1% จากปีก่อน
  • ประกาศจ่ายเงินปันผลที่ 0.25 เหรียญสหรัฐฯ ต่อหุ้น พร้อมเดินหน้าซื้อหุ้นคืนมูลค่า 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในไตรมาสนี้

แต่ยอดขาย iPhone ซึ่งเป็นสินค้าหลักของบริษัททำได้เพียง 69,138 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 2.42 ล้านล้านบาท) ลดลงเล็กน้อยจาก 69,702 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปีที่แล้ว และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 71,030 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

รายได้จากผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น Mac และ iPad กลับมาเติบโตได้ดี โดย Mac ทำรายได้ 8,987 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อน ขณะที่ iPad ทำรายได้ 8,088 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 15% เช่นกัน

ส่วนอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) ของ Apple อยู่ที่ 46.9% สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ เพิ่มขึ้นจาก 46.6% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และบริษัทยังคงคาดการณ์ว่าอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาสหน้าอยู่ระหว่าง 46.5%-47.5% แสดงถึงความสามารถในการควบคุมต้นทุนการผลิตที่ยอดเยี่ยม

เซอร์ไพรส์ธุรกิจบริการพุ่งแรง ดันกำไรโต

ธุรกิจบริการของ Apple ซึ่งรวมถึง App Store, Apple Music, iCloud และ AppleCare ทำรายได้ 26,340 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 922,000 ล้านบาท) โตขึ้น 14% จากปีก่อน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 26,090 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ส่วนนี้กลายเป็นแหล่งรายได้ที่แข็งแกร่งที่สุดของบริษัท

ยอดขายในจีนลดลงแรง

อย่างไรก็ตาม Apple เผชิญกับความท้าทายในตลาดจีน โดยยอดขายลดลง 11.1% มาอยู่ที่ 18,513 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 648,000 ล้านบาท) ซึ่งเป็นการลดลงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบปี ส่วนหนึ่งมาจากการเปลี่ยนแปลงสต๊อกสินค้าภายในช่องทางจำหน่าย และการที่ฟีเจอร์ Apple Intelligence ยังไม่เปิดให้ใช้งานในจีน

ทิม คุก (Tim Cook) ซีอีโอของ Apple กล่าวว่า “ในประเทศที่มีการเปิดใช้งาน Apple Intelligence แล้ว ยอดขาย iPhone 16 ทำได้ดีกว่าประเทศที่ยังไม่มีฟีเจอร์นี้” ซึ่งแสดงให้เห็นว่า AI อาจเป็นปัจจัยสำคัญในการกระตุ้นยอดขายในอนาคต โดย Apple มีแผนจะขยายการรองรับภาษาใหม่ ๆ รวมถึงภาษาจีนแบบย่อในเดือนเมษายนนี้

แม้จะมีอุปสรรค แต่ Apple คาดการณ์ว่ารายได้ในไตรมาสหน้าจะเติบโตในระดับ “เลขหลักเดียว” เมื่อเทียบรายปี และธุรกิจบริการจะเติบโตในระดับ “เลขสองหลัก” ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 3% ในช่วงซื้อขายหลังตลาดปิด