เมื่อคืนวันอังคาร ราคาหุ้น Alphabet (GOOGL) ดิ่งกว่า 9% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ หลังจากบริษัทประกาศผลประกอบการไตรมาส 4 ที่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะรายได้จากธุรกิจคลาวด์ที่พลาดเป้า อย่างไรก็ตาม กำไรต่อหุ้นกลับออกมาดีกว่าคาดเล็กน้อย

ตัวเลขผลประกอบการที่สำคัญ

  • รายได้รวม: 9.6 หมื่นล้านเหรียญ (ประมาณ 3.27 ล้านล้านบาท) ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 9.66 หมื่นล้านเหรียญ
  • กำไรต่อหุ้น (EPS): 2.15 เหรียญ (ประมาณ 73 บาท) สูงกว่าคาดการณ์ที่ 2.13 เหรียญ
  • รายได้จาก YouTube Ads: 10,470 ล้านเหรียญ (ประมาณ 356,000 ล้านบาท) สูงกว่าคาดการณ์ที่ 10,230 ล้านเหรียญ
  • รายได้จาก Google Cloud: 11,960 ล้านเหรียญ (ประมาณ 406,000 ล้านบาท) ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 12,190 ล้านเหรียญ
  • ต้นทุนการจัดหาทราฟฟิก (TAC): 14,890 ล้านเหรียญ (ประมาณ 506,000 ล้านบาท) ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 15,010 ล้านเหรียญ

แม้รายได้ของ Alphabet จะเติบโตขึ้น 12% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่ถือว่าการเติบโตนั้นชะลอตัวลง 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่รายได้จากธุรกิจโฆษณาและบริการหลักของบริษัทก็เติบโตช้าลง

การลงทุนใน AI และโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้น

Alphabet ประกาศแผน ลงทุน 75,000 ล้านเหรียญ (ประมาณ 2.55 ล้านล้านบาท) ในปี 2025 เพื่อขยายธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 58,840 ล้านเหรียญ (ประมาณ 2 ล้านล้านบาท)

นอกจากนี้ บริษัทคาดว่าการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานในไตรมาสแรกของปี 2025 จะอยู่ที่ 16,000-18,000 ล้านเหรียญ (ประมาณ 544,000-612,000 ล้านบาท) สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 14,300 ล้านเหรียญ (ประมาณ 486,000 ล้านบาท)

โดยในไตรมาส 4 ปี 2024 Alphabet ใช้เงินลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานไปแล้ว 14,000 ล้านเหรียญ (ประมาณ 476,000 ล้านบาท) ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 13,260 ล้านเหรียญ

อานัต อาชเคนาซี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ Alphabet ระบุว่า การลงทุนเหล่านี้เน้นไปที่ เซิร์ฟเวอร์และศูนย์ข้อมูล เพื่อรองรับการเติบโตของ Google Services, Google Cloud และ Google DeepMind

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนเริ่มกังวลว่าเม็ดเงินลงทุนจำนวนมากอาจกดดันผลกำไรในระยะสั้น

รายได้จากธุรกิจคลาวด์ต่ำกว่าคาด

หนึ่งในจุดอ่อนของรายงานผลประกอบการครั้งนี้คือ รายได้จาก Google Cloud ที่อยู่ที่ 11,960 ล้านเหรียญ (ประมาณ 406,000 ล้านบาท) ต่ำกว่าที่วอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้ที่ 12,190 ล้านเหรียญ (ประมาณ 415,000 ล้านบาท)

แม้ว่าธุรกิจคลาวด์จะยังเติบโตขึ้น 30% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่ Alphabet ยอมรับว่าความต้องการบริการ AI มีมากกว่าความสามารถในการรองรับของบริษัท

โดยนักวิเคราะห์มองว่า Alphabet กำลังเผชิญการแข่งขันที่ดุเดือดจาก AWS (Amazon Web Services) และ Microsoft Azure ซึ่งทำให้ต้องเร่งลงทุนเพิ่มเพื่อให้ทันกับความต้องการของตลาด

ธุรกิจอื่น ๆ และแนวโน้มอนาคต

ส่วนกลุ่มอื่น ๆ ของ Alphabet ซึ่งรวมถึงธุรกิจอย่าง Verily (ชีววิทยาศาสตร์) และ Waymo (รถยนต์ไร้คนขับ) มีรายได้ 400 ล้านเหรียญ (ประมาณ 13,600 ล้านบาท) ในไตรมาส 4 ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 616.4 ล้านเหรียญ และลดลงจากปีที่แล้วที่ทำได้ 657 ล้านเหรียญ

Waymo ได้ประกาศแผนขยายธุรกิจรถยนต์ไร้คนขับไปยัง Austin, Texas และ Tokyo ซึ่งเป็นการขยายตลาดระดับนานาชาติครั้งแรกของบริษัท

แม้รายได้ของ Alphabet จะต่ำกว่าคาด แต่บริษัทแสดงความมั่นใจในการลงทุนด้าน AI และการขยายโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งอาจส่งผลดีต่อการเติบโตระยะยาว อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจะจับตาดูว่า บริษัทสามารถเปลี่ยนการลงทุนมหาศาลนี้ให้เป็นผลกำไรได้เร็วแค่ไหน

อีกทั้งตลาดจะยังคงให้ความสนใจในแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจ AI และคลาวด์ของ Alphabet ในไตรมาสถัดไป โดยเฉพาะการขยายขีดความสามารถในการรองรับ AI Compute เพื่อแย่งส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งหลักอย่าง Microsoft และ Amazon