บรรยากาศการลงทุนเช้าวันนี้ 17 ก.พ. 2568 ตึงเครียดทันทีเมื่อหุ้น บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ร่วงหนักถึง -30% ติดฟลอร์ทันทีที่เปิดตลาด ส่งผลให้มูลค่าบริษัทหายไปราว 420,000 ล้านบาท และกระทบดัชนี SET ร่วงลง 30 จุด สาเหตุสำคัญมาจากผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2567 ที่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์อย่างมาก

ผลประกอบการปี 2567 ของ DELTA
- ไตรมาส 4 ปี 2567: รายได้ 41,832 ล้านบาท (+9.8% y-y) แต่กำไรสุทธิลดลงเหลือ 2,155 ล้านบาท (-54.3% y-y) ต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาดอย่างชัดเจน
- รวมทั้งปี 2567: รายได้รวม 166,737 ล้านบาท (+12.5% y-y) และกำไรสุทธิ 18,939 ล้านบาท (+2.8% y-y) ซึ่งต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 22,000 – 23,000 ล้านบาท
ปัจจัยที่กดดันผลกำไร
หนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้กำไรลดลงมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 46.2% จากปีก่อน โดยส่วนใหญ่เป็น ค่าลิขสิทธิ์และค่าธรรมเนียมสนับสนุนทางเทคนิคจากบริษัทแม่ Delta Electronics Inc. (ไต้หวัน) เพื่อรองรับการพัฒนาเทคโนโลยี AI
นอกจากนี้ DELTA ยังเผชิญกับแรงกดดันจาก ค่า P/E ที่สูงถึง 65 เท่า ซึ่งสะท้อนความคาดหวังที่สูงของตลาด แต่ผลลัพธ์กลับต่ำกว่าที่นักลงทุนคาดการณ์ จึงเกิดแรงเทขายอย่างหนัก
แม้ผลประกอบการจะออกมาน่าผิดหวัง แต่นักวิเคราะห์ยังมองว่า แนวโน้มการเติบโตระยะยาวของ DELTA ยังคงอยู่บนทิศทางที่ดี เนื่องจากสินค้าหลักในกลุ่ม Data Center, Cloud และ AI ยังคงมีโอกาสเติบโตตามกระแสความต้องการที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ความท้าทายในระยะสั้นจากต้นทุนที่สูงขึ้นจะเป็นสิ่งที่บริษัทต้องจัดการเพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนกลับมา