กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เผยแพร่ คู่มือดุลการชำระเงินฉบับที่ 7 (Balance of Payments Manual, Seventh Edition หรือ BPM7) ซึ่งในรายละเอียดมีการบรรจุสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างคริปโทเคอร์เรนซี เช่น บิตคอยน์ (Bitcoin) ไว้ในระบบบัญชี นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่คริปโทฯ ได้รับการยอมรับในมาตรฐานทางเศรษฐกิจระดับโลก โดยจะส่งผลโดยตรงต่อการจัดทำบัญชีเศรษฐกิจมหภาคของแต่ละประเทศในอนาคต
เนื้อหาหลักของเอกสาร BPM7 ระบุเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลจะถูกบันทึกในดุลการชำระเงินของประเทศอย่างชัดเจน และมีการจัดประเภทสินทรัพย์ดิจิทัลแบบต่าง ๆ ไว้ ดังนี้
- คริปโทฯ ที่ไม่มีภาระหนี้ เช่น บิตคอยน์ จะถูกจัดเป็น สินทรัพย์ที่ไม่ได้ผลิตขึ้น (non-produced nonfinancial assets) และจะถูกบันทึกไว้ในบัญชีทุน (capital account) เช่นเดียวกับการซื้อขายที่ดินหรือสิทธิในทรัพยากรธรรมชาติ
- ขณะที่ เหรียญที่มีภาระหนี้ อย่างสเตเบิลคอยน์ จะจัดอยู่ในหมวด ตราสารทางการเงิน ซึ่งเน้นการมีภาระผูกพันต่อผู้ถือ
- นอกจากนี้ คริปโทฯ บางประเภท เช่น อีเธอเรียม (Ethereum) หรือโซลานา (Solana) หากเจ้าของเหรียญอาศัยอยู่คนละประเทศกับผู้ออกเหรียญ จะถูกจัดเป็นสินทรัพย์คล้ายหุ้น และบันทึกไว้ในบัญชีการเงิน เช่นเดียวกับการถือหุ้นต่างประเทศ เนื่องจาก IMF ชี้ว่า แม้เหรียญเหล่านี้อิงกับเทคโนโลยีเข้ารหัส แต่มีคุณสมบัติคล้ายกับการถือหุ้นในแง่ของสิทธิความเป็นเจ้าของ
- อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจคือ รางวัลจากการสเตก หากมีลักษณะคล้ายเงินปันผลจากหุ้น จะถูกบันทึกไว้ในบัญชีเดินสะพัดในหมวดรายได้ (current account income) โดยพิจารณาจากขนาดของการถือครองและวัตถุประสงค์ของการถือ
- และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายโอนสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น การขุดหรือการตรวจสอบธุรกรรม (validation) จะถูกนับเป็นบริการประเภทหนึ่งในบัญชีบริการ เช่นเดียวกับบริการคอมพิวเตอร์
โดยการจัดทำ BPM7 ฉบับนี้ผ่านการปรึกษาหารือกับมากกว่า 160 ประเทศทั่วโลก สะท้อนการมีส่วนร่วมในระดับสากล โดยคาดว่าจะเป็นแนวทางหลักในการจัดทำสถิติทางเศรษฐกิจในช่วงหลายปีข้างหน้า แม้แต่ละประเทศจะมีระยะเวลาการบังคับใช้ที่ต่างกัน แต่ก็ถือเป็นหมุดหมายสำคัญในการยอมรับคริปโทฯ ในฐานะสินทรัพย์ทางเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบ
ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ส่งสัญญาณว่าโลกการเงินดิจิทัลกำลังก้าวสู่การเป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจโลกอย่างแท้จริง และผู้กำหนดนโยบายก็เริ่มมองคริปโทฯ ไม่ใช่แค่ของใหม่ แต่เป็นของจริงที่ต้องจับตาในเชิงเศรษฐกิจโลก