จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ซึ่งส่งผลกระทบและสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อทรัพย์สินของประชาชนจำนวนมาก ล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกคำสั่งเร่งด่วน ให้สถาบันการเงิน รวมถึงบริษัทสินเชื่อรายย่อยประเภท non-bank พิจารณาแนวทางช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติครั้งนี้อย่างเต็มที่

นายสมชาย เลิศลาภวศิน ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน ธปท. แถลงการณ์ในวันที่ 29 มีนาคม 2568 ว่า ธปท. ได้ขอความร่วมมือให้ทุกสถาบันการเงินดำเนินมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ประสบภัยแผ่นดินไหวโดยด่วนที่สุด พร้อมกำหนดแนวทางที่ชัดเจน เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่และเศรษฐกิจโดยรวม สำหรับแนวทางช่วยเหลือลูกหนี้ที่ ธปท. ระบุ มีทั้งหมด 3 ด้านหลัก ได้แก่

  1. สินเชื่อบัตรเครดิต ธนาคารสามารถลดอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำลงได้ต่ำกว่าเกณฑ์ปกติที่ ธปท. กำหนดไว้ เป็นระยะเวลาสูงสุดไม่เกิน 12 เดือน นับจากวันที่ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายเร่งด่วนของลูกหนี้
  2. สินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล สามารถอนุมัติวงเงินกู้ฉุกเฉินชั่วคราวได้เกินกว่าที่ ธปท. กำหนดไว้ เพื่อให้ลูกหนี้มีเงินทุนหมุนเวียนเร่งด่วนสำหรับฟื้นฟูความเสียหายจากภัยพิบัติ โดยให้อนุมัติวงเงินนี้โดยเร็วที่สุด ภายในระยะเวลาไม่เกิน 12 เดือนหลังประกาศพื้นที่ประสบภัย
  3. สินเชื่อทุกประเภท สามารถพิจารณาช่วยเหลือเพิ่มเติม เช่น การลดหรือยกเว้นดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม การผ่อนปรนเงื่อนไขชำระหนี้ รวมถึงการปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ เพื่อให้ลูกหนี้มีเงินทุนไปซ่อมแซมที่อยู่อาศัย หรือใช้ในการดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยให้ดำเนินการอย่างรวดเร็วที่สุด ภายในระยะเวลาไม่เกิน 12 เดือนหลังประกาศภัยพิบัติ

นายสมชาย ระบุเพิ่มเติมว่า ในระหว่างการช่วยเหลือนี้ ธปท. จะผ่อนปรนหลักเกณฑ์การจัดชั้นลูกหนี้ โดยให้คงระดับชั้นหนี้เดิมไว้เหมือนก่อนประสบภัย เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเครดิตของลูกหนี้ที่กำลังเผชิญสถานการณ์ยากลำบากอยู่ในขณะนี้ ทั้งนี้ ธปท. หวังว่ามาตรการเร่งด่วนที่ประกาศออกมานี้ จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน และช่วยฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจและสังคมในพื้นที่ประสบภัยให้กลับมาเป็นปกติได้โดยเร็วที่สุด