วันจันทร์ที่ 24 พฤษภาคม ไมเคิล เซย์เลอร์ (Michael Saylor) ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ MicroStrategy บริษัทให้บริการซอฟต์แวร์ระบบธุรกิจอัจฉริยะที่ถือครองบิตคอยน์ (เมื่อ 12 มีนาคม) 91,326 BTC ได้ทวีตว่าเมื่อวานวันอาทิตย์ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ซีอีโอของ Tesla หนึ่งในบริษัทที่ถือครองบิตคอยน์ได้ร่วมประชุมกับนักขุดบิตคอยน์ชั้นนำในอเมริกาเหนือ ซึ่งตกลงกันว่าจะจัดตั้งสภาหรือกลุ่มการทำเหมืองบิตคอยน์เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานที่โปร่งใสและเร่งการริเริ่มให้เกิดความยั่งยืนทั่วโลก
มัสก์ก็ได้ทวีตว่าเขาได้คุยกับนักขุดบิตคอยน์ในอเมริกาเหนือ ซึ่งคนเหล่านนั้นให้คำมั่นว่าจะร่วมกันเผยแพร่ความรู้ วางแผนการใช้พลังงานหมุนเวียน และขอให้นักขุดบิตคอยน์ทั่วโลกช่วยกันทำ ซึ่งเซย์เลอร์ก็ได้เผยชื่อนักขุดบิตคอยน์ในกลุ่มนี้ ได้แก่ Argo Blockchain, Blockcap, Core Scientific, Galaxy Digital, Hive Blockchain Technologies, Hut 8 Mining, Marathon Digital Holdings และ Riot Blockchain
เดือนธันวาคม เซย์เลอร์ได้ทวีตถึงมัสก์แนะนำให้เทสลาซื้อบิตคอยน์ จากนั้นเดือนกุมภาพันธ์มัสก์เผยว่าเทสลาได้ซื้อ Bitcoin มูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์ (44,943 ล้านบาท) เพื่อเป็นสินทรัพย์สำรองเมื่อเดือนมกราคมจนทำให้ราคาบิตคอยน์พุ่ง 17% อีกทั้งบิตคอยน์ได้การยอมรับจากบริษัทและธนาคาร จนราคาค่อย ๆ สูงขึ้นมาเรื่อย ๆ และทำราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเดือนเมษายนที่ 64,829 เหรียญ (2 ล้านบาท)
วันที่ 12 พ.ค. มัสก์ได้ทวีตว่าจะไม่รับบิตคอยน์ในการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าของเทสลาเนื่องจากการขุดและทำธุรกรรมของบิตคอยน์ส่งผลให้มีการใช้ถ่านหินเพิ่มขึ้นและส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้ราคาบิตคอยน์ร่วงลงมาอย่างต่อเนื่องจนถึงระดับ 45,000 เหรียญ (1.4 ล้านบาท) ในวันที่ 17 พ.ค. (ต่อมา 19 พ.ค. จีนได้สั่งห้ามธนาคารและบริษัทชำระเงินให้บริการธุรกรรมเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล ส่งผลให้บิตคอยน์ดิ่งลงสู่ 34,000 เหรียญ หรือ 1 ล้านบาท)
แน่นอนว่าการร่วงของบิตคอยน์เริ่มต้นจากทวีตของมัสก์ แต่ก็ไม่สามารถโทษเขาได้เสียทีเดียวเพราะตำแหน่งทางการตลาดของเทสลาคือผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและพลังงานสะอาด ดังนั้นการที่เขาสนับสนุนบิตคอยน์ให้ถลุงถ่านหินทำลายสิ่งแวดล้อมเท่ากับขัดต่อปณิธานของบริษัทที่ตั้งไว้ ส่วนการร่วมมือระหว่างมัสก์และเซย์เลอร์ก็อาจเป็นเพราะบริษัทของเขาทั้งสองต่างก็ถือครองบิตคอยน์อยู่นั่นเอง และการใช้พลังงานหมุนเวียนจะช่วยให้มัสก์เดินในเส้นทางของบิตคอยน์ได้อย่างไม่มีข้อครหา
วันจันทร์ที่ผ่านมาราคาบิตคอยน์ได้ดีดตัวเพิ่มขึ้นมา 8.8% จากวันอาทิตย์เป็น 37,766 เหรียญ (1,183,964 บาท) แต่ยังลดลงมากกว่า 40% เมื่อเทียบกับราคาสูงสุดในเดือนเมษายน และวันอังคารได้ขึ้นมาถึง 39,966 เหรียญ (1,252,534 บาท) ส่วนอนาคตจะฟื้นคืนกลับมาได้หรือไม่ก็ขอให้ติดตามกันต่อไป
ที่มา : theverge
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส