เรียกได้ว่า ‘เงินดิจิทัล’ เริ่มได้รับการยอมรับไปทั่วโลก ซึ่งจุดประสงค์หลักๆ คือจะเอาไปใช้แทนการใช้เงินสดหรือแม้แต่เงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-money) ที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน และด้วยศักยภาพของเทคโนโลยีการประมวลผลแบบกระจายศูนย์ที่อยู่เบื้องหลังอย่างบล็อกเชน (blockchain) ที่มีความปลอดภัยและสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใช้งานได้

นั่นจึงทำให้ทั่วโลกเริ่มหันมาศึกษาเรื่องนี้กันมากขึ้นและตรวจสอบความเป็นไปได้ในการนำบล็อกเชนมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพของระบบการชำระเงิน และการออกใช้ Central Bank Digital Currency (CBDC) หรือสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง เพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนมูลค่าที่จะเป็นตัวแทนของเงินได้จริง ๆ

ล่าสุดได้มีการออกประกาศจากทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แล้วว่าจะมีแผนทดลองใช้งานเงินสกุลไทยอย่าง ‘บาทดิจิทัล’ แบบขั้นทดลอง (Pilot Test) ซึ่งเป็นเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลางเองและจะพร้อมทดลองใช้งานจริงในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2565 โดยจะเปิดให้ภาคเอกชน ผู้มีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมเข้ามาพัฒนาเชื่อมต่อระบบไปด้วยกัน

ซึ่งทาง ธปท. เอง อยู่ระหว่างศึกษา ออกแบบและพัฒนาระบบต้นแบบ CBDC ร่วมกับภาคธุรกิจเอกชน ซึ่งเป็นโครงการต่อยอดการพัฒนาจาก ‘โครงการอินทนนท์’ เพื่อศึกษารูปแบบ ผลกระทบ และข้อจำกัดในการนำ CBDC ไปใช้ในภาคเอกชนต่อไป

โดยประเทศไทยเองเคยเริ่มใช้เงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) มาแล้วตั้งแต่ปี 2561 แต่ว่าเป็นการใช้สำหรับระดับสถาบันการเงิน (Wholesale CBDC) เท่านั้น ยังไม่เคยมีการนำออกมาใช้จริงในผู้ใช้งานรายย่อยหรือภาคประชาชน (Retail CBDC)

อ้างอิง

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส