ในเอกสารแจ้งการเปลี่ยนแปลงการเป็นเจ้าของสินทรัพย์ที่ยื่นต่อ ก.ล.ต. สหรัฐฯ เมื่อวันพุธที่ 10 พ.ย. แสดงให้เห็นว่า อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ซีอีโอของเทสลา (Tesla) ได้ขายหุ้นของเทสลาจำนวน 934,091 หุ้น มูลค่ากว่า 36,179 ล้านบาทไปเมื่อวันจันทร์ที่ 8 พ.ย. ซึ่งเขายังคงถือหุ้นอยู่มากกว่า 170 ล้านหุ้น
มัสก์ได้รับตัวเลือกในการตอบแทนผู้บริหารของปี 2012 ที่เทสลาเปิดตัว Model S เป็นครั้งแรกและเริ่มผลิตรถยนต์ 3,100 คัน ซึ่งจะหมดอายุใน ส.ค. 2022 และเมื่อวันจันทร์มัสก์ก็ใช้สิทธิ์ในตัวเลือกด้วยการซื้อหุ้น 2,154,572 หุ้น ในราคา 6.24 เหรียญ มีมูลค่าตามราคาปิดในวันพุธมากกว่า 2,300 ล้านเหรียญ (75,578 ล้านบาท)
มัสก์ตัดสินใจขายหุ้นด้วยเหตุผลด้านภาษี หลังจากที่เขาได้ทวีตแบบสำรวจถามผู้ติดตามใน Twitter เมื่อวันเสาร์ ด้วยผลโหวตสนับสนุนให้ขายหุ้น 57.9% จากเสียงโหวตทั้งหมด 3,519,252 คะแนน
เนื่องจากเศรษฐีที่มีสินทรัพย์ เช่น หุ้น มีกำไรร่ำรวยมหาศาลจากสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น โดยที่ไม่ต้องจ่ายภาษีเงินได้จากกำไรเหล่านั้น ซึ่งถูกมองว่าช่วยให้เศรษฐีสามารถเลี่ยงภาษีเงินได้จำนวนมาก ดังนั้น ส.ว. พรรคเดโมแครตได้เสนอแผนการเก็บภาษี unrealized gains เพื่อเก็บภาษีจากกำไรของหุ้นที่ราคาพุ่งสูงขึ้นก่อนที่จะขาย
มัสก์เผยว่าเขาไม่รับเงินเดือนหรือโบนัสที่เป็นเงินสด เขามีแค่หุ้น ดังนั้นการขายหุ้นจึงเป็นวิธีเดียวในการจ่ายภาษีของเขา ระยะหลังมานี้เขามีกำไรมาจากราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น ก็จะถือว่าเป็นการเลี่ยงภาษี เขาจึงเสนอขายหุ้น Tesla จำนวน 10%
ที่มา : washingtonpost
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส