จากการประกาศร่วมธุรกิจกันของบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และกลุ่มเทเลนอร์ ทำให้ธุรกิจด้านคมนาคมในไทยเหลือผู้เล่นลดน้อยลง ถ้าจะให้นับเจ้าใหญ่อีกเจ้าก็คงเหลือเพียงแค่เอไอเอสเจ้าเดียวเท่านั้น หลายฝ่ายจึงมองว่าการร่วมมือกันครั้งนี้ของทรูและดีแทค อาจส่งผลครั้งใหญ่ต่อผู้บริโภคและถูกผูกขาดโดยธุรกิจรายใหญ่
นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวภายหลังรับฟังคำชี้แจงจากผู้บริหารดีแทคว่า ดีแทคพยายามชี้แจงว่า การประกาศความร่วมมือทางธุรกิจดังกล่าว ยังอยู่ในระดับขั้นต้นของการเจรจาควบรวมกิจการ แต่ยอมรับว่า รู้สึกกังวลผลกระทบต่อภาพรวมตลาดในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของไทย รวมทั้ง ผลกระทบต่อผู้บริโภค ซึ่งสุ่มเสี่ยงอาจเกิดปัญหาการฮั้วราคาค่าบริการตลอดจนการแข่งขันประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม หากดูจากข้อกฎหมายเบื้องต้น ทาง กสทช.เองก็อาจไม่มีอำนาจในการยับยั้งการควบรวมกิจการ ทำได้เพียงแค่ออกมาตรการกำกับดูแลเท่านั้น พร้อมเตรียมประชุมหารือกับ ก.ล.ต.และคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า เพื่อพิจารณาข้อกฎหมายในการกำกับดูแลบริษัทใหม่ที่น่าจะมีความชัดเจนภายในไตรมาสแรกของปีหน้า
ขณะที่ น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวว่า อนุกรรมการสื่อและโทรคมนาคม สภาองค์กรของผู้บริโภค เตรียมประชุมปัญหาดังกล่าว หลังกังวลว่าอาจซ้ำรอยปัญหาอำนาจเหนือตลาดจากกรณี ซีพีและเทสโก้โลตัส พร้อมเรียกร้องให้ กสทช.ประกาศแนวทางคุ้มครองผู้ใช้บริการ สัญญาเดิมของทั้ง 2 บริษัท
อ้างอิง: ThaiPBS
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส