23 มี.ค. ก.ล.ต. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์) หน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุนของไทยที่ครอบคลุมถึงสินทรัพย์ดิจิทัล ได้ออกหลักเกณฑ์ที่เป็นกรอบในการให้บริการของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อไม่ให้สนับสนุนหรือส่งเสริมการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลในการชำระเงินค่าสินค้าและบริการ ซึ่งอาจสร้างผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินและระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 เม.ย. 65
ก.ล.ต. ได้สนับสนุนและอนุญาตให้มีการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งเป็นนวัตกรรมทางการเงินและการลงทุนที่มีโอกาสสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจในอนาคต ทั้งนี้ได้ทำงานร่วมกับ ธปท. (ธนาคารแห่งประเทศไทย) ในการพิจารณาถึงประโยชน์และความเสี่ยงของสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งเล็งเห็นว่าการนำมาใช้นอกเหนือจากการลงทุนโดยนำมาใช้ชำระเงินค่าสินค้าและบริการ อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพระบบการเงินและระบบเศรษฐกิจโดยรวม
อีกทั้งยังมีความเสี่ยงต่อประชาชนและธุรกิจ เช่น ราคาที่ผันผวน การแฮกหรือโดนโจรกรรม การฟอกเงิน และข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหล ดังนั้น 3 มี.ค. จึงได้มีมติที่จะกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลในการจำกัดการให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลสำหรับใช้ชำระค่าสินค้าและบริการ โดยมีหลักเกณฑ์การปฏิบัติดังนี้
- ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลทุกประเภท ต้องไม่ให้บริการหรือกระทำการอันมีลักษณะที่เป็นการสนับสนุนหรือส่งเสริมการชำระค่าสินค้าและบริการด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น การโฆษณา การชักชวนหรือแสดงตนว่าพร้อมให้บริการชำระค่าสินค้าหรือบริการแก่ร้านค้า หรือการจัดทำระบบหรือเครื่องมืออำนวยความสะดวกในการชำระค่าสินค้าและบริการ การเปิดกระเป๋าสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อวัตถุประสงค์ในการนำสินทรัพย์ดิจิทัลมาใช้เป็นสื่อกลางชำระค่าสินค้าและบริการ เป็นต้น
- กรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลพบว่า ลูกค้าใช้บัญชีที่เปิดไว้เพื่อการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลไปใช้ประโยชน์ในการชำระค่าสินค้าและบริการ ผู้ประกอบธุรกิจต้องแจ้งเตือนเกี่ยวกับการใช้บัญชีผิดวัตถุประสงค์และไม่ตรงกับเงื่อนไขการให้บริการ และดำเนินการแก่ลูกค้าที่ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการให้บริการ ซึ่งรวมถึงระงับการให้บริการชั่วคราว ยกเลิกการให้บริการหรือดำเนินการอื่นใดในทำนองเดียวกัน
ประกาศดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. 65 และสำหรับผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้ให้บริการตาม (1) และ (2) อยู่ก่อนแล้ว ให้ปฏิบัติเป็นไปตามที่หลักเกณฑ์กำหนดภายใน 30 วันนับแต่วันที่ประกาศมีผลใช้บังคับ
สรุปง่าย ๆ ว่าผู้ให้บริการต้องไม่สนับสนุนในการสร้างระบบและส่งเสริมในการโฆษณาหรือการทำให้เชื่อ จูงใจเกี่ยวกับการชำระเงินค่าสินค้าและบริการให้กับธุรกิจต่าง ๆ รวมถึงการเปิดวอลเล็ตจะต้องใช้เพื่อการลงทุนเท่านั้นและเมื่อตรวจพบว่าลูกค้านำไปใช้ในการชำระเงินจะต้องจัดการระงับหรือยกเลิกการใช้งานทันที
ที่มา : sec.or.th
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส