ข่าวการจากไปของ โรบิน วิลเลียมส์ (Robin Williams) เมื่อสิงหาคม ปี 2014 นั้นเป็นข่าวที่ช็อกผู้คนทั่วโลกที่ติดตามผลงานของเขา และรักในตัวตนของนักแสดงอารมณ์ดีที่หน้าตาเต็มไปด้วยรอยยิ้มตลอดเวลา เป็นทั้งข่าวที่สร้างความเสียใจและชวนฉงนว่า ทำไมคนที่ดูเฮฮาและสร้างเสียงหัวเราะให้คนทั่วโลกมาหลายทศวรรษ กลับตัดสินใจปลิดชีวิตตัวเองลาโลกไปแบบนี้ กรณีของวิลเลียมส์จึงเปรียบได้กับการเปิดเผยข้อเท็จจริงอีกด้านให้โลกรู้ว่า บางคนที่เราเห็นแต่เพียงภาพลักษณ์ภายนอกว่าเขายิ้มแย้มตลอดเวลานั้น ภายในจิตใจเขาอาจจะตรงกันข้ามกับที่เขาแสดงออกให้คนรอบข้างเห็นก็ได้ อย่างคำคมที่ โรบิน วิลเลียมส์ ฝากเตือนใจไว้แทนตัวเขาว่า
“ผมคิดว่าคนที่เศร้าที่สุดมักจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้ผู้คนมีความสุข เพราะเขารู้ดีว่าการรู้สึกไร้ค่านั้นเป็นอย่างไร และเขาไม่ต้องการให้ใครรู้สึกเช่นนั้น”
นับถึงวันนี้ โรบิน วิลเลียมส์ ก็จากเราไปเป็นเวลา 9 ปีแล้ว แต่เขาก็ยังเป็นที่คิดถึงของแฟน ๆ และคนรอบข้างเสมอมา ดังเช่น แซม นีล (Sam Neil) เพื่อนนักแสดงที่เรารู้จักกันดีจากบทบาท ดร.อลัน แกรนต์ ในแฟรนไชส์ Jurassic Park และเพิ่งออกหนังสืออัตชีวประวัติ “Did I Ever Tell You This?” เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ในหนังสือเล่มนี้ นีลเขียนถึงประวัติของตัวเขาเอง และเรื่องราวในกองถ่าย รวมไปถึงเพื่อน ๆ นักแสดง ซึ่งเนื้อหาตอนหนึ่งนั้น นีลก็เอ่ยถึง โรบิน วิลเลียมส์ ที่เขาเคยร่วมงานในด้วยในเรื่อง Bicentennial Man หนังไซไฟ-ดราม่า เมื่อปี 1999 ซึ่งนีลบรรยายถึงตัวตนของวิลเลียมส์ไว้ว่า เขาเป็นคนที่น่ารัก ใจกล้า กระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลา แม้เขาจะเป็นผู้ชายที่ตลกมาก แต่เขาก็เป็นคนที่เศร้าที่สุดเท่าที่ผมเคยพบเจอมา”
นีล ยังเขียนถึงช่วงเวลาที่น่าจดจำที่เขาได้สนทนากับวิลเลียมส์ภายในเทรลเลอร์ของเขาระหว่างที่ถ่ายทำหนัง Bicentennial Man
“เราได้คุยเรื่องราวต่าง ๆ สัพเพเหระไปด้วยกัน บางทีก็คุยถึงหนังเรื่องที่เรากำลังถ่ายทำกันอยู่”
และเมื่อเขาได้รู้จักตัวตนของวิลเลียมส์มากขึ้น ก็พบว่าวิลเลียมส์นั้นแท้จริงแล้วเป็นคนที่โดดเดี่ยวและหดหู่อย่างที่สุด
“ทั้ง ๆ ที่เขามีทั้งชื่อเสียงและเงินทอง ผู้คนรักในตัวตนของเขา เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยม สามารถไขว่คว้าทุกสิ่งได้ตามที่ปรารถนา แต่เมื่อได้รู้ถึงเบื้องลึกภายในของเขา ผมกลับรู้สึกเสียใจต่อเขามากเกินกว่าจะบรรยายได้ เขาเป็นคนโดดเดี่ยวที่สุดในโลกที่อ้างว้างใบนี้”
นีลเขียนต่อไปว่า ความสุขอย่างหนึ่งของวิลเลียมส์คือเสียงหัวเราะของผู้คน
“ผู้คนจะหัวเราะท้องแข็งไปกับเขา และเวลาที่ผู้คนกำลังส่งเสียงหัวเราะอยู่นั้น คุณจะเห็นได้ว่า โรบินจะมีความสุข”
ก่อนหน้าที่วิลเลียมส์จะตัดสินใจลาโลกไปนั้น เขาเข้ารับการรักษาแล้ว แต่แพทย์ก็วินิจฉัยอาการป่วยของเขาผิดพลาด ด้วยการวิเคราะห์ว่าเขาป่วยเป็นโรคพาร์กินสัน แต่ผลการชันสูตรร่างของวิลเลียมส์กลับพบว่า เขาป่วยเป็นโรคสมองเสื่อม (Lewy body dementia) สถาบันสุขภาพแห่งชาติ ได้ให้คำอธิบายถึงอาการป่วยของโรคนี้ไว้ว่า
“สืบเนื่องมาจากการสะสมของโปรตีนที่เรียกว่า alpha-synuclein ที่ผิดปกติในสมอง ซึ่งจะส่งผลต่อสารเคมีในสมอง อาจนำไปสู่ปัญหาเกี่ยวกับความคิด การเคลื่อนไหว พฤติกรรม และอารมณ์”
ซูซาน ชไนเดอร์ วิลเลียมส์ (Susan Schneider Williams) ภรรยาหม้ายของโรบินได้เขียนบทความลง ‘Neurology’ วารสารทางการแพทย์เมื่อปี 2016 เธออ้างถึงแพทย์ที่ได้ตรวจสอบประวัติทางการแพทย์และการสแกนสมองของสามีในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แพทย์ลงความเห็นว่ากรณีของโรบินนั้น
“ถือว่าเป็นโรคสมองเสื่อมที่เลวร้ายที่สุดที่พวกเขาเคยเห็น และเป็นกรณีที่ไม่มีใครสามารถช่วยเหลืออะไรได้แล้ว เพราะอาการของโรคได้แพร่กระจายไปทั่วสมองของเขาแล้ว สร้างความเสียหายอย่างมากต่อเซลล์ประสาทและสารสื่อประสาท พูดได้ว่ามีสงครามเคมีในสมองของเขา”
แซ็ค ลูกชายของ โรบิน วิลเลียมส์ ให้สัมภาษณ์ในรายการพอคแคสต์ “The Genius Life” เมื่อกรกฎาคม 2021 ว่า การวินิจฉัยที่ผิดพลาดส่งผลให้พ่อของเขามีอาการอึดอัดและหงุดหงิดมาก
ส่วน แซม นีล เจ้าของหนังสือ “Did I Ever Tell You This?” นั้น ได้เปิดเผยกับนักข่าวในช่วงที่เดินสายโปรโมตหนังสือว่า เขาตรวจพบว่าป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือด แต่ปัจจุบันได้รับการรักษาและอาการดีขึ้นแล้ว และส่วนสำคัญที่ช่วยให้อาการของเขาดีขึ้นก็คือการให้เวลากับการเขียนหนังสือเล่มนี้ออกมา ซึ่งเปรียบได้กับ ‘ผู้ช่วยชีวิต’ ของเขาเลย
ที่มา : insider