นับว่าเป็นศึกซูเปอร์บิ๊กแมตช์ประจำสัปดาห์ เมื่อเจอร์เก้น คล็อปป์ต้องนำขุนพลเครื่องจักรสีแดง หงส์แดง ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟิลด์ต้อนรับการมาเยือนของลูกทีมเป็ป กวาร์ดิโอลาอย่างเรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ซิตี้ เป็นศึกชิงอันดับ1อย่างชัดเจน
เนื่องจากในตอนนี้อาเซน่อลรั้งจ่าฝูงมี 64 แต้มแต่แข่งมากกว่าทั้งลิเวอร์พูลและแมนเชสเตอร์ซิตี้อยู่ 1 เกม ส่วนลิเวอร์พูลอยู่อันดับ 2 ของตารางมีคะแนนอยู่ที่ 63 แต้ม ตามมาด้วยแมนเชสเตอร์ซิตี้ที่อยู่อันดับ 3 ของตารางมีคะแนนอยู่ที่ 62 แต้ม
เงื่อนไขง่ายๆ คือใครชนะเป็นจ่าฝูง ซึ่งเกมนี้มีความหมายต่อการลุ้นแชมป์เป็นอย่างมาก ทั้งสอง2ทีมต้องการชนะเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบในการลุ้นแชมป์
ประเด็นดราม่าก่อนเกม
ก่อนเกมการแข่งขันได้มีดราม่าที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร FourFourTwo เกี่ยวกับการแย่งแชมป์กับทางแมนเชสเตอร์ซิตี้
ซึ่งเจ้าตัวได้ตอบว่า “มันยากที่จะคว้าแชมป์ เพราะพวกเราต้องต่อสู้กับเครื่องจักรที่สร้างมาเพื่อชนะเท่านั้น นั้นคือคำอธิบายที่ง่ายที่สุดถึงสโมสรอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถ้ามองย้อนกลับไปในช่วงที่ผ่านมา ถึงพวกเขาจะได้แชมป์ที่มากกว่าเราแต่ถ้วยแชมป์ที่เราได้มีความหมายมากกว่า” และเทรนต์ยังบอกต่ออีกว่า “สถานะการเงินของทั้ง 2 สโมสรนั้นต่างกัน วิธีการสร้างทีมขึ้นมาไม่เหมือนกัน เพราะสิ่งนี้จึงทำให้แชมป์ที่เราทำได้ มีความหมายกับแฟนบอลมากกว่า”
พอบทสัมภาษณ์ออกมาทำให้นักเตะของแมนเชสเตอร์ซิตี้เกิดความไม่พอใจ
เริ่มจากเออร์ลิง ฮาแลนด์กองหน้าแมนเชสเตอร์ซิตี้ ได้ออกมาตอบโต้ว่า “ผมอยู่ที่แมนเชสเตอร์ซิตี้มา 1 ปี และคว้า 3 แชมป์ได้ มันความรู้สึกที่ยอดเยี่ยม และผมไม่คิดว่าเขาจะเข้าใจความรู้สึกที่ได้ 3 แชมป์หรอก ว่ามันเป็นอย่างไร ลิเวอร์พูลหรือเทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ จะพูดอะไรก็ได้ตามที่พวกเขาต้องการ ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงพูดแบบนั้นแต่ผมไม่แคร์หรอก”
ไม่นานหลังจากนั้น รูเบน ดิอาส กองหลังของแมนเชสเตอร์ซิตี้ก็ได้ออกมาโต้เช่นกันว่า “มันชัดเจนว่าความสำเร็จที่ทีมของเราได้นั้น มีความหมายต่อกับพวกเราและแฟนบอลของเรามากแค่ไหน ความสำเร็จของแต่ละคนก็มีคุณค่ากับคนนั้นๆ สิ่งที่เราสนใจมีแค่เรื่องของตัวเอง คือทีมใหญ่เขาจะไม่พูดถึงความสำเร็จของผู้อื่นหรอก ทีมใหญ่จะไม่มีนิสัยชอบไปกำหนดว่าแชมป์ของใครใหญ่ ของใครเล็ก ตามใจตัวเองแบบนี้”
ด้วยประเด็นดังกล่าวที่เกิดขึ้นก่อนเกมที่ทั้งคู่จะเจอกัน ยิ่งทำให้เกมนี้น่าดูมากขึ้น มันเป็นตัวจุดชนวนความเดือดของเกมนัดนี้ได้เป็นอย่างดี
ฟอร์มการเล่นของทั้ง 2 ทีม และ สถิติที่น่าสนใจ
ลิเวอร์พูลชนะมา 7เกมรวด ไล่มาตั้งแต่
1.ชนะ เบิร์นลี่ย์ 3-1 (พรีเมียร์ลีก)
2.ชนะ เบรนฟอร์ด 1-4 (พรีเมียร์ลีก)
3.ชนะ ลูตันทาวน์ 4-1 (พรีเมียร์ลีก)
4.ชนะ เชลซี 1-0 (นัดชิง คาราบาวคัพ)
5.ชนะ เซาแธมป์ตัน 3-2 (เอฟเอ คัพ)
6.ชนะ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ 0-1 (พรีเมียร์ลีก)
7.ชนะ สปาร์ต้าปราก 1-5 (ยูโรป้าลีก)
สถิติที่น่าสนใจ: ลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้เล่นที่แอนฟิลด์ยังไม่แพ้ใคร โดยแบ่งเป็นชนะ 11 เกม เสมอ 2 เกม
สถิติผู้เล่นคนสำคํญ: โมฮาเหม็ด ซาล่าทำไป 11 ประตู กับ 7 แอสซิสต์ จาก 19 เกมหลังสุดที่พบกับแมนเชสเตอร์ซิตี้
แมนเชสเตอร์ซิตีชนะมา 5 นัดรวด ไล่มาตั้งแต่
1.ชนะ เบรนท์ฟอร์ด 1-0 (พรีเมียร์ลีก)
2.ชนะ บอร์นมัธ 0-1 (พรีเมียร์ลีก)
3.ชนะ ลูตันทาวน์ 2-6 (เอฟเอคัพ)
4.ชนะ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด 3-1 (พรีเมียร์ลีก)
5.ชนะ โคเปนเฮเก้น 3-1 (ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก)
สถิติที่น่าสนใจ: แมนเชสเตอร์ซิตี้ไม่แพ้ใครมา 20 นัดติดต่อกันทุกรายการ โดยแบ่งเป็นชนะ 18 เกม เสมอ 2 เกม
สถิติผู้เล่นคนสำคํญ:ฟิล โฟเด้น ในฤดูกาลนี้ทำไปแล้ว 18 ประตูทุกรายการ ถือเป็นสถิติการทำประตูสูงสุดในอาชีพใน 1 ฤดูกาล
ความพร้อมเรื่องตัวผู้เล่นของทั้ง 2 ทีม
ลิเวอร์พูล: ผู้เล่นบาดเจ็บ:โฌแอล มาติป,ดิโอโก โจต้า,เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์,อลิสซอน เบ็คเกอร์,ไรอันกราเวนเบิร์ช,สเตฟาน เบจเซติช,เคอร์ติส โจนส์,ติอาโก้ อัลคันตาร่า, ผู้เล่นเช็คฟิต: อิบราฮิมา โกนาเต้
ส่วนฝั่งแมนเชสเตอร์ซิตี้: ผู้เล่นบาดเจ็บ:แจ็ค กรีลิช, ผู้เล่นเช็คฟิต:เฌอเรมี่ โดกู ,มาเธอุส นูเนส
5 นัดหลังที่พบกัน
แมนเชสเตอร์ซิตี้ชนะ 2 เกม ลิเวอร์พูลชนะ 2 เกมและเสมอกัน 1 เกม
31/07/2022 ลิเวอร์พูล 3-1 แมนเชสเตอร์ซิตี
17/10/2022 ลิเวอร์พูล 1-0 แมนเชสเตอร์ซิตี
23/12/2022 แมนเชสเตอร์ซิตี 3-2 ลิเวอร์พูล
1/04/2023 แมนเชสเตอร์ซิตี 1-0 ลิเวอร์พูล
25/11/2023 แมนเชสเตอร์ซิตี 1-1 ลิเวอร์พูล
11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม
ฝั่งลิเวอร์พูล ระบบ 4-3-3
ผู้รักษาประตู: ควีวิน เคลเลเฮอร์
กองหลัง:คอเนอร์ แบรดลี่ย์,เฟอร์จิล ฟานไดค์,จาเรลล์ ควอนซาห์,แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน
กองกลาง:วาตารุ เอ็นโด,โดมินิค โซบอสซ์ไล,อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์
กองหน้า:โมฮาเหม็ด ซาลาห์,ดาร์วิน นูนเญซ,หลุยส์ ดิอาส
ภาพเหมือนด้านบน
ฝั่งแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ระบบ 3-2-4-1
ผู้รักษาประตู: เอแดร์สัน โมราเอส
กองหลัง: ไคล์ วอล์กเกอร์,รูเบน ดิอาส,นาธาน อาเก้
กองกลาง: จอห์น สโตน,โรดรี้,เควิน เดอร์บอยน์,ฟิล โฟเด้น, แบร์นาโด้ ซิลวา,ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ
กองหน้า: เออร์ลิง ฮาแลนด์
ผู้ตัดสินในเกมนี้
ผู้ตัดสินที่ 1 คือ ไมเคิล โอลิเวอร์
ผู้ตัดสินVAR เป็น สจ๊วต แอ็ดเวล
ฟันธงสกอร์
ในเกมนัดแรกที่เล่นที่เอติฮัด สเตเดี้ยมผลจบไปที่ 1-1 โดยแมนเชสเตอร์ซิตี้ได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากเออร์ลิง ฮาแลนด์ ก่อนลิเวอร์พูลจะมาได้ประตูตีเสมอจากเทรนต์ อเล็กซานเดอร์อาร์โนล
ถ้าพูดถึงเกมบิ๊กแมตซ์อะไรก็เกิดขึ้นได้ ด้วยฟอร์มการเล่นที่ดีด้วยกันทั้งคู่ รูปเกมน่าจะออกมาสูสีแต่ละทีมต้องฉกฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของคู่แข่งเพื่อลงโทษ
น่าจะเป็นเกมที่เล่นด้วยความระมัดระวังเพราะถ้าพลาดขึ้นมาโอกาสในการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีคก็จะยากขึ้นตามไปด้วย ความพร้อมเรื่องตัวผู้เล่นของแมนเชสเตอร์ซิตีที่มีความพร้อมมากกว่าแต่ลิเวอร์ก็มีความได้เปรียบในเรื่องของแรงใจและการเล่นเป็นเจ้าบ้าน มีโอกาสที่จะออกเสมอค่อนข้างสูง ขอฟันธงว่าน่าจะจบลงด้วยผลเสมอ สกอร์ที่คาดว่าจบคือ 1-1
สำหรับการแข่งขันในเกมนี้จะมี ในค่ำคืนวันที่ 10 มีนาคม 2024 เวลา 22.45 น.ตามเวลาประเทศไทย
และนี่อาจจะเป็นการเผชิญหน้ากันครั้งสุดท้ายระหว่างเจอร์เก้น คล็อปป์ กับ เป็ป กวาร์ดิโอลา ลิเวอร์พูลจะสามารถรักษาจ่าฝูงไว้ได้หรือทางแมนเชสเตอร์ซิตี้จะช่วงชิงแย่งจ่าฝูงมาได้ ในศึกครั้งนี้ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
Credit ข้อมูล: ณัฐพล กาญจนะคช