ท่าแพลงก์ (Plank) คือ ท่าออกกำลังกายยอดนิยมสำหรับคนที่ต้องการเสริมสร้างกล้ามเนื้อท้องและแกนกลางลำตัว อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างระบบการเผาผลาญ และลดไขมันได้ ซึ่งวิธีการทำก็ไม่ซับซ้อน โดยเริ่มจากทำท่าคล้าย ๆ การวิดพื้น ลดแขนกับข้อศอกลงชันไว้กับพื้นและ ยกลำตัวเป็นเส้นตรงขนานกับพื้น
ดอนนาจีน ไวท์ (DonaJean wilde) หญิงวัย 58 ปี ชาวแคนาดา ทำลายสถิติ กินเนส เวิลด์ เรคคอร์ด ท่าแพลงก์ของฝ่ายหญิง ด้วยเวลา 4 ชั่วโมง 30 นาที 11 วินาที ทำลายสถิติเดิมของ ดาน่า โกลวัชก้า (Dana Glowacka) หญิงชาวแคนาดาเช่นกัน ที่เคยทำไว้ 4 ชั่วโมง 19 นาที 55 วินาที ในปี 2019 ได้สำเร็จ ส่วนสถิติโลกฝ่ายชายที่สามารถทำท่าแพลงก์ได้นานสุดปัจจุบันคือ โจเซฟ ซาเล็ก ชายชาวสาธารณรัฐเช็ก ซึ่งทำเวลาไป 9 ชั่วโมง 38 นาที 47 วินาที
โดยการจดบันทึกสถิติโลกมีขึ้นเมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งกติกาก็คือ ปลายแขนและนิ้วเท้าของเธอจะต้องแตะพื้นตลอดเวลา ส่วนที่เหลือของร่างกายต้องยกขึ้นจากพื้นและตั้งตรงขนานกับพื้นตลอด
ดอนนาจีน ไวท์ กล่าวหลังจากทำลายสถิติได้สำเร็จว่า
“ข้อศอกของฉันเจ็บมาก ฉันกังวลมากว่าจะเสียฟอร์มท่าไป ฉันรู้สึกว่า 2 ชั่วโมงแรกผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ 2 ชั่วโมงต่อมานั้นยากกว่ามาก ส่วนชั่วโมงสุดท้ายเป็นช่วงที่ท้าทายที่สุด ฉันต้องมีสมาธิและรักษาฟอร์มท่าของฉันไว้ โดยเน้นไปที่การหายใจและสงบสติอารมณ์”
“ฉันรู้สึกดีใจจนพูดไม่ถูกที่ได้ทำลายสถิติโลกในครั้งนี้หลังจากใช้เวลากว่า 10 ปีในการฝึกซ้อมทุกวัน ฉันยังไม่อยากเชื่อเลยจริง ๆ ฉันรู้สึกเหมือนกำลังฝันอยู่”
ดอนนาจีน ไวท์ เล่าว่าเธอเคยกระดูกข้อมือแตกถึงขั้นต้องใส่เฝือก และไม่สามารถยกน้ำหนักได้ เลยเลือกที่จะออกกำลังกายด้วยการแพลงก์แทน เธอเริ่มฝึกแพลงก์เมื่อ 12 ปีที่แล้วหลังจากข้อมือแตก ทำให้เธอคุ้นเคยกับความเจ็บปวดและความชาที่แขนและมือของเธอขณะทำท่านี้
โดยปกติแล้ว ดอนนาจีน ไวท์ จะมีตารางฝึกแพลงก์ 3 ชั่วโมงในทุกวัน แต่เพื่อเตรียมตัวในการทำลายสถิติโลกในครั้งนี้เธอจึงเพิ่มเป็น 6 ชั่วโมง โดยแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ครั้งละ 3 ชั่วโมง ซึ่งเธอมักจะรวมการทำท่าแพลงก์กับกิจวัตรประจำวันของเธอไว้ด้วยกันคือ การอ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง หรือทำอะไรก็ตามที่สามารถทำได้ในขณะที่ตัวเองกำลังแพลงก์ไปด้วย
อีกทั้งเธอยังเปิดเผยอีกว่า เธอเคยใช้เวลาในการทำท่าแพลงก์ พร้อมกับการอ่านหนังสือสอบปริญญาโทไปด้วย ซึ่งทำให้เธอก็สามารถจดจำ และเข้าใจในสิ่งที่หนังสือบอกได้อย่างแม่นยำมากขึ้น