ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือฟุตบอลยูโร 2024 ที่เยอรมันเป็นเจ้าภาพ กำลังเปิดฉากในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ ซึ่งเราจะพาไปวิเคราะห์ขุนกำลัง จุดเด่น จุดด้อย และโอกาสในการเป็นแชมป์ ของเหล่าบรรดาทีมเต็งกัน
โดยเริ่มที่ทีมขวัญใจมหาชนอย่าง ‘ทัพสิงโตคำราม’ ทีมชาติอังกฤษ ทีมรองแชมป์ยูโรเมื่อครั้งก่อน ที่ถูกยกเป็นเต็ง 1 ของรายการในปีนี้ โดยเหนือกว่าทีมใหญ่ทั้งฝรั่งเศส โปรตุเกส อิตาลี เนเธอร์แลนด์ สเปน และเจ้าภาพอย่างเยอรมัน
แม้พวกเขาจะไม่เคยคว้าแชมป์ยูโรเลยสักครั้ง แต่ด้วยขุนกำลังที่เต็มไปด้วยนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ ชุดที่เรียกว่าเป็นโกลเดน เจเนอเรชัน ทั้งตัวประสบการณ์และตัวดาวรุ่ง ที่ต่างโชว์ฟอร์มกันได้อย่างน่าประทับใจในฤดูกาลนี้ จนหลายคนตั้งคำถามว่า “ถึงเวลาของทีมชาติอังกฤษหรือยังที่จะคว้าแชมป์ยูโรสมัยแรกได้สักที”
ผลงานที่ผ่านมา
ทีมชาติอังกฤษผ่านเข้ามาเล่นยูโรครั้งนี้เป็นครั้งที่ 10 ในประวัติศาสตร์ ผลงานที่ดีที่สุดของทีมชาติอังกฤษในศึกยูโรคือ การเป็นรองแชมป์ในยูโร 2020 ครั้งที่ผ่านมา ที่พ่ายให้กับทีมชาติอิตาลีในการดวลจุดโทษไป
ส่วนผลงานในรอบคัดเลือกฟุตบอลยูโรที่ผ่านมา ผ่านเข้ารอบมาในอันดับ 1 ของกลุ่ม แบบไม่ยากลำบาก โดยแข่ง 8 เกม ชนะ 6 เสมอ 2 และไม่แพ้ใคร เก็บได้ 20 คะแนน
ขุนกำลังทีมชาติอังกฤษ
26 นักเตะทีมชาติอังกฤษ ชุดสู้ศึกยูโร 2024 ประกอบด้วย
ผู้รักษาประตู: ดีน เฮนเดอร์สัน (คริสตัล พาเลซ), จอร์แดน พิคฟอร์ด (เอฟเวอร์ตัน), อารอน แรมส์เดล (อาร์เซนอล)
กองหลัง: ลูวิส ดังค์ (ไบรท์ตัน), โจ โกเมซ (ลิเวอร์พูล), มาร์ก เกฮี (พาเลซ), เอซรี คอนซ่า (แอสตัน วิลล่า), ลุค ชอว์ (แมนฯ ยูไนเต็ด), จอห์น สโตนส์ (แมนฯ ซิตี้), คีแรน ทริปเปียร์ (นิวคาสเซิล), ไคล์ วอล์คเกอร์ (แมนฯ ซิตี้)
กองกลาง: เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (ลิเวอร์พูล), จู๊ด เบลลิงแฮม (เรอัล มาดริด), คอนเนอร์ กัลลาเกอร์ (เชลซี), ค็อบบี้ ไมนู (แมนฯ ยูไนเต็ด), เดแคลน ไรซ์ (อาร์เซนอล), อดัม วอร์ตัน (คริสตัล พาเลซ)
กองหน้า: จาร์ร็อด โบเว่น (เวสต์แฮม), เอเบเรชี่ เอเซ่ (คริสตัล พาเลซ), ฟิล โฟเด้น (แมนฯ ซิตี้), แอนโธนี่ กอร์ดอน (นิวคาสเซิล), แฮร์รี่ เคน (บาเยิร์น มิวนิค), โคล พาลเมอร์ (เชลซี), บูคาโย่ ซาก้า (อาร์เซนอล), ไอแวน โทนี่ย์ (เบรนท์ฟอร์ด), โอลลี่ วัตกินส์ (แอสตัน วิลล่า)
คาดการณ์รายชื่อผู้เล่น 11 ตัวจริงที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต จะจัดลงสนาม
ระบบ 4-2-3-1
ผู้รักษาประตู : จอร์แดน พิคฟอร์ด
กองหลัง : ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, มาร์ก เกฮี, คีแรน ทริปเปียร์
กองกลาง : ค็อบบี้ ไมนู, เดแคลน ไรซ์, จู๊ด เบลลิงแฮม, บูคาโย่ ซาก้า, ฟิล โฟเด้น
กองหน้า : แฮร์รี่ เคน
จุดเด่นของทีมชาติอังกฤษ
1. แนวรุกที่น่ากลัว นักเตะหลายคนในที่ชุดนี้ต่างโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมเกือบทุกคน ไม่ว่าจะกองหน้าตัวเก๋าอย่าง แฮรี่ เคน ที่คว้าดาวซัลโวลีกยุโรป หรือดาวรุ่งฟอร์มแรง ทั้งจู๊ด เบลลิงแฮม ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม คว้าแชมป์ลาลีกาและแชมเปียนส์กับต้นสังกัดได้ พร้อมรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล
ฟิล โฟเดน ที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในชีวิตของเขา คว้าแชมป์ลีกกับแมนฯ ซิตี้ พร้อมรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมพรีเมียร์ลีก, โคล พาลเมอร์ ตัวแบกของเชลซี ที่มีส่วนร่วมกับประตูมากที่สุดในลีก รวมไปถึงคนอื่น ๆ ทั้ง บูคาโย่ ซาก้า, แอนโธนี่ กอร์ดอน และ โอลลี่ วัตกินส์ ที่ต่างทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับต้นสังกัด
2. ขุนกำลังเชิงลึกที่แข็งแกร่ง ตัวสำรองสามารถทดแทนตัวจริงได้ มีความสมดุลระหว่างนักเตะดาวรุ่งฟอร์มแรง กับนักเตะตัวเก๋ามีประสบการณ์ สามารถจัดนักเตะลงสนามได้หลากหลายรูปแบบตามคู่แข่งที่เจอ และสามารถปรับเปลี่ยนแก้เกมได้ในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน
3. ประสบการณ์นักเตะที่มากขึ้น เนื่องจากมีนักเตะที่มาจากชุดรองแชมป์ยูโรครั้งก่อนเกือบทั้งทีม ไม่ว่าจะเป็น จอร์แดน พิคฟอร์ด, จอร์น สโตนส์, ไคล์ วอลเกอร์, ลุค ชอว์, ดีแคลน ไรซ์, แฮร์รี่ เคน และบูกาโย้ ซาก้า สิ่งนี้น่าจะเป็นส่วนช่วยให้มีความนิ่งมากขึ้นในช่วงที่กดดันกับเกมนัดสำคัญ
จุดด้อยของทีมชาติอังกฤษ
1. ตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กขวาและแบ็กซ้าย การขาดหายของแฮรี่ แม็คไกว กองหลังคนสำคัญที่เป็นตัวจริงในหลายทัวนาเมนต์ที่ผ่านมา นับว่าเสียหายอยู่พอสมควร สิ่งที่น่าสนใจคือคนที่จะมาทดแทนในตำแหน่งนี้ ไม่ว่าจะเป็น ลูวิส ดังค์, โจ โกเมซ, มาร์ก เกฮี และ เอซรี คอนซ่า จะทดแทนได้ขนาดไหน
ส่วนอีกตำแหน่งคือแบ็กซ้ายอาชีพที่ชุดนี้เรียก ลุค ชอว์ มาเพียงคนเดียว บวกกับสภาพร่างกายที่เจ้าตัวมีอาการบาดเจ็บแทบทั้งฤดูกาล และจะไม่พร้อมลงในเกมนัดแรก
2. ความลงตัวในแดนกลาง ซึ่งถือเป็นส่วนที่สำคัญมาก คนที่ยืนเป็นตัวจริงแน่นอน คือ ดีแคน ไรซ์ ในบทบาทกองกลางตัวรับ ส่วนคนที่จะเล่นคู่กันในบทบาทกองกลางตัวเชื่อมเกม ก็ต้องรอดูว่าเซาเกตจะเลือกใคร ซึ่งตัวเลือกมีทั้ง คอเนอร์ กัลลาเกอร์, ค็อบบี้ ไมนู, เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และอดัม วอลตัน โดยแต่ละคนมีสไตล์การเล่นที่แตกต่างกัน
3. ฟอร์มการเล่นในช่วงหลัง แม้ในรอบคัดเลือกพวกเขาจะทำผลงานได้ดี แต่ทว่าใน 5 นัดหลังสุด พวกเขาเอาชนะคู่แข่งได้แค่นัดเดียว โดยแบ่งเป็นชนะ 1 เสมอ 2 แพ้ 2 ซึ่งเกมล่าสุดที่อุ่นเครื่องก็พลาดท่าพ่ายต่อไอซ์แลนด์คาบ้านไป 0-1
กุนซือทีมชาติอังกฤษ แกเร็ธ เซาธ์เกต
นับเป็นการคุมทีมในเมเจอร์ทัวนาเมนต์เป็นรายการที่ 4 ของเจ้าตัว โดยไล่ตั้งแต่ฟุตบอลโลก 2018, ฟุตบอลยูโร 2020, ฟุตบอลโลก 2022 และฟุตบอลยูโรครั้งนี้ ซึ่งถ้าดูจากผลงานภาพรวมก็ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว ด้วยการพาทีมจบอันดับ 4 ฟุตบอลโลกปี 2018 ,จบรองแชมป์ในฟุตบอลยูโรครั้งก่อน, และพาทีมเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุต บอลโลก 2022 ที่ผ่านมา
ถึงแม้ว่าจะทำผลงานได้ไม่แย่ แต่ถ้าดูเกมใน จะเห็นว่าวิธีการเล่นของทีมชาติอังกฤษไม่ค่อยสวยงาม เล่นกล้า ๆ กลัว ๆ เน้นผลการแข่งขัน จนทำให้แฟนบอลอังกฤษหลายคนเกิดข้อสงสัยหรือข้อครหาในตัวของกุนซือคนนี้ว่าดีพอในการคุมทีมหรือไม่
ซึ่งฟุตบอลยูโรครั้งนี้จะเป็นตัวชี้วัดอนาคตของเซาธ์เกต ว่าจะได้คุมทีมต่อหรือไม่ ด้วยสัญญาของเขากับทีมชาติอังกฤษที่จะหมดภายในปีนี้ ถ้าไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ได้นี่น่าจะเป็นทัวนาเมนต์สุดท้ายของเขากับทีมชาติอังกฤษ
วิเคราะห์โอกาสคว้าแชมป์
ทีมชาติอังกฤษถูกยกเป็นเต็งจากสื่อหลายสำนักและบริษัทรับพนันถูกกฎหมาย รวมถึงซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ให้โอกาสคว้าแชมป์ยูโรครั้งนี้อยู่ที่ 19.9 เปอร์เซ็นต์ โดยเปอร์เซ็นต์สูงกว่าทีมอันดับ 2 อย่างทีมชาติฝรั่งเศสอยู่เพียงเล็กน้อย ซึ่งฝรั่งเศสมีโอกาสอยู่ที่ 19.1 เปอร์เซ็นต์
รอบแบ่งกลุ่ม
อังกฤษอยู่ในกลุ่ม C ร่วมกับ เซอร์เบีย, เดนมาร์ก และสโลวีเนีย
ถ้าดูจากชื่อชั้นทีมร่วมกลุ่ม แน่นอนว่าทีมชาติอังกฤษค่อนข้างเหนือกว่าอย่างชัดเจน แต่ประมาทไม่ได้เด็ดขาด เนื่องจากจะต้องเจอเกมที่คู่ต่อสู้มารับแล้วรอสวนกลับแบบเดียวกับเกมอุ่นเครื่องนัดล่าสุดที่เจอกับไอซ์แลนด์ ที่พลาดท่าแพ้มา 0-1
ต้องรอดูว่า เซาธ์เกตจะมีการปรับเปลี่ยนการเล่นและวิธีการรับมืออย่างไรกับการเจอทีมลักษณะนี้ แต่ยังเชื่อว่าน่าจะผ่านเข้ารอบไปได้
รอบน็อกเอาต์
ถ้าทีมชาติอังกฤษจบที่ 1 ของกลุ่ม C รอบ 16 ทีมจะเข้าไปเจอทีมอันดับ 3 ของกลุ่ม D, E หรือ F ซึ่งน่าจะไม่ใช่งานยาก ส่วนในรอบก่อนรองและรองชนะเลิศ ต้องเจอคู่แข่งที่แข็งขึ้น รูปแบบการเล่นก็ต้องเปลี่ยนตาม ซึ่งก็จะเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับพวกเขา แต่เชื่อว่าด้วยขุนกำลังน่าจะเข้าถึงรอบรองชนะเลิศเป็นอย่างน้อย ส่วนจะเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศและคว้าแชมป์ได้ไหมต้องดูกันอีกที
ทีมชาติอังกฤษชุดนี้ ถ้าดูจากภาพกว้างเรื่องขุนกำลัง ชื่อชั้นนักเตะ เรียกว่าพร้อมที่จะท้าท้ายตำแหน่งแชมป์เต็มตัว แต่ทว่าสิ่งเหล่านี้กับสวนทางกับฟอร์มการเล่นในช่วงหลังที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก ก็มารอดูกันว่าพวกเขาจะสามารถเรียกฟอร์ม และไปถึงฝั่งฝันในการคว้าแชมป์ยูโรสมัยแรกได้สำเร็จหรือไม่ ร่วมหาคำตอบไปพร้อมกัน