เรียกว่าเป็นภาพที่เราเห็นกันจนชินตาสำหรับการวิ่งลงสนามของเหล่าแฟนบอล โดยในศึกฟุตบอลยูโร 2024 ในเกมระหว่างโปรตุเกส พบกับตุรกี ในวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่มีแฟนบอลวิ่งลงสนาม เพื่อไปหานักเตะอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด ชายที่เป็นไอคอนของวงการฟุตบอล
ซึ่งไม่ได้เกิดแค่ครั้งเดียว แต่เกิดขึ้นถึง 4 ครั้งในระหว่างเกม โดยแบ่งเป็นเด็ก 1 คน และผู้ใหญ่ 3 คน และยังมีอีก 2 ครั้งหลังเกม ซึ่งรวมเป็นทั้งหมด 6 ครั้ง ทำให้หลายคนเกิดการตั้งคำถาม และแสดงความกังวลถึงความปลอดภัยของนักเตะ โดยถึงแม้ว่าในครั้งนี้ยังโชคดีที่แฟนบอลที่ลงไปไม่ได้มีเจตนาไม่ดี แต่ถ้ากลับกันมีแฟนบอลที่มีเจตนาจะไปทำร้ายนักเตะ จะทำอย่างไร
แน่นอนว่าทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่าการลงไปในสนามจะถูกลงโทษและดำเนินคดีอย่างแน่นอน ไม่ว่าด้วยเหตุอะไร แต่ทำไมยังมีหลายคนที่ยอมแลก ยอมโดนลงโทษ เพื่อที่จะได้ลงไปหานักเตะที่พวกเขาชื่นชอบสักครั้งในชีวิต
เราจะพาไปหาคำตอบเกี่ยวกับ สาเหตุ ผลกระทบ และสรุปคำตอบว่าการวิ่งลงสนามนั้นคุ้มจริงไหม
สาเหตุที่ทำให้แฟนบอลวิ่งลงสนาม
ความคลั่งไคล้นักเตะ
สาเหตุการวิ่งสนามนั้นแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล แต่เหตุผลหลักที่คนส่วนใหญ่ลงไปนั้นคือ การลงไปหานักเตะที่ตัวเองชื่นชอบ เนื่องจากความบ้าคลั่งและความคลั่งไคล้นักเตะ เพื่อให้ได้ถ่ายรูป ได้ลายเซ็น หรือสัมผัสร่างกายนักเตะที่ตัวเองชื่นชอบสักครั้งในชีวิต แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่จะเป็นความทรงจำที่แฟนบอลกลุ่มนี้ไม่มีวันลืม
บทลงโทษที่อาจเบาเกินไป
อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้คนที่วิ่งลงสนามยอมแลก คือบทลงโทษที่อาจเบาเกินไป โดยกฎของสหพันธ์ฟุตบอลยุโรปหรือยูฟ่าระบุว่า ผู้ใดที่ละเมิดกฎโดยการวิ่งลงมาในบริเวณสนามจะถูกนำตัวออกจากสนามทันที และแบนห้ามเข้าสนามตลอดทัวร์นาเมนต์ อีกทั้งยังถูกดำเนินคดี เนื่องจากเป็นความผิดเข้าข่ายคดีอาญา
ซึ่งอย่างในกรณีล่าสุด แฟนบอลที่วิ่งลงไปถ่ายรูปกับ “โรนัลโด” จะถูกแบนห้ามเข้าสนามตลอดทัวนาเมนต์ และถูกดำเนินคดีข้อหาบุกรุก ส่วนเด็กคนแรกที่ลงไปถ่ายรูปกับโรนัลโดจะถูกตักเตือนและแจ้งให้ผู้ปกครองได้รับทราบ เพื่อไม่ให้กระทำผิดกฎอีก แต่จะไม่ถูกดำเนินคดีทางอาญา เนื่องจากอายุยังไม่เกิน 12 ปี
การวิ่งลงสนามคุ้มจริงไหม
แน่นอนว่าการวิ่งลงสนามนั้นมีราคาที่ต้องจ่าย แต่ราคาที่ต้องจ่ายในตอนนี้อาจจะไม่มากพอ ซึ่งถ้ามองกันตามตรงกฎที่ทางยูฟ่าระบุนั้นดูเบาเกินไป นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้แฟนบอลหลายคนยอมแลก เพื่อให้ได้ใกล้นักเตะที่ตัวเองชื่นชอบสักครั้งในชีวิต
ลองนึกภาพการได้ลงไปถ่ายรูปกับนักเตะอย่างโรนัลโด แต่ถูกลงโทษเพียงแค่แบนไม่ให้เข้าสนามจนจบทัวนาเมนต์ และถูกดำเนินคดีอาญา ซึ่งในท้ายที่สุดถ้าไม่ได้รุนแรงอาจถูกแค่โทษปรับ
ยิ่งถ้าแฟนบอลที่มาจากต่างประเทศที่มีเงินตั้งใจมาดูแค่นัดเดียวอยู่แล้ว บทลงโทษการแบนไม่ให้เข้าสนามตลอดทัวนาเมนต์ก็อาจไม่ได้ส่งผลอะไรกับแฟนบอลกลุ่มนี้ การได้ลงไปถ่ายรูปหรือขอลายเซ็นกับนักเตะที่ชื่นชอบ ซึ่งอาจมีโอกาสเจอแค่ครั้งเดียวในชีวิตก็ถือว่าคุ้มค่าที่จะแลก
ผลกระทบที่ตามมา
อย่างไรก็ดี การวิ่งลงสนามนั้นย่อมส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของนักเตะอย่างแน่นอน เพราะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าลงมาด้วยเจตนาแบบไหน ไม่เพียงเท่านั้นยังกระทบถึงความต่อเนื่องของเกม และบรรยากาศในเกมที่ต้องหยุดเกมการแข่งขันทุกครั้งเมื่อมีคนวิ่งลงมาในสนาม
แบร์นาโด ซิลวา นักเตะทีมชาติโปรตุเกส กล่าวว่า
“มันสร้างความน่าหงุดหงิดเล็กน้อย เมื่อต้องมีการหยุดเกมการแข่งขันชั่วคราว เพราะมีแฟนบอลวิ่งเข้ามาในสนาม แต่ส่วนตัวแล้ว ผมไม่รู้สึกว่าตัวเองตกอยู่ในอันตรายอะไรกับเรื่องแบบนี้”
โรแบร์โต มาร์ติเนซ กุนซือทีมชาติโปรตุเกส ได้กล่าวหลังเกมว่า
“มันเป็นเรื่องที่น่ากังวล วันนี้เราโชคดีที่แฟน ๆ ที่วิ่งเข้ามาในสนามต่างมีเจตนาดี เราทุกคนมีความสุข เมื่อแฟนบอลแสดงความชื่นชอบในตัวพวกเรา แต่หากสิ่งที่พวกเขาทำมันเป็นเรื่องที่ผิด ทำให้นักเตะอาจจะไม่รู้สึกปลอดภัย เราต้องระมัดระวังกับเรื่องนั้น”
“ผมไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้ควรจะเกิดขึ้นในสนามฟุตบอล บางทีเราควรส่งข้อความถึงแฟน ๆ ว่าการทำเรื่องแบบนี้ ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง คุณจะไม่ได้อะไรเลยและทุกอย่างอาจจะแย่ลงในอนาคต มันไม่ดีเลยที่นักเตะต้องคอยรับมือกับคนที่วิ่งเข้ามาในสนาม”
ดังนั้นจึงควรเร่งแก้ปัญหา เพื่อความปลอดภัยของนักเตะเป็นหลัก ด้วยการเพิ่มความเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยให้มากขึ้น ในทุกสนามและทุกการแข่งขัน เพิ่มบทลงโทษที่รุนแรงมากขึ้น และอาจจะต้องขอความร่วมมือนักเตะไม่ถ่ายรูปหรือแจกลายเซ็นกับแฟนบอลที่วิ่งลงมาในสนาม เพื่อไม่ให้เกิดพฤติกรรมแบบนี้จนกลายเป็นเรื่องปกติ