ศึกยูโร 2024 จบลงอย่างเป็นทางการ หลังแข่งมากว่า 1 เดือนเต็ม ซึ่งผลปรากฎว่า เป็นทีมชาติสเปนที่สามารถคว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จ หลังจากล้างลาแชมป์มากว่า 12 ปี โดยในครั้งล่าสุดที่พวกเขาคว้าแชมป์ในรายการระดับเมเจอร์ทัวร์นาเมนต์ต้องย้อนกลับไปถึง ศึกยูโร 2012 เลยทีเดียว

ซึ่งหากเปรียบเทียบกันระหว่างการเป็นแชมป์ในครั้งนี้ กับ แชมป์ในปี 2012 จะเห็นได้ว่ามีความแตกต่างกันในเรื่องรายละเอียดค่อนข้างมาก ทั้งเรื่อง นักเตะ รูปแบบและวิธีการเล่น ที่เหมือนกับคนละทีม แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็สามารถจบด้วยการเป็นแชมป์ได้ทั้งคู่

อะไรเป็นจุดแตกต่าง ระหว่างสเปนยุคทอง ชุดแชมป์ยูโร ปี 2012 กับ สเปนยุคใหม่ ชุดแชมป์ ปี 2024 เราจะพาไปหาคำตอบกัน

สเปนชุดแชมป์ยูโร 2012 

สเปน ในปี 2012 เรียกว่าเป็นยุคทองของสเปนเลยก็ว่าได้ ถูกยกเป็นเต็ง 1 ในยูโรครั้งนั้น ภายใต้การคุมทีมของ เดล บอสเก้ กุนซือที่เพิ่งพาทีมกวาดรางวัลความสำเร็จมาในรายการเมเจอร์ทัวร์นาเมนต์มาอย่างฟุตบอลโลก 2010 

11 ผู้เล่นตัวหลักของสเปนในปี 2012 ประกอบด้วย  

ผู้รักษาประตู : อิเกร์ กาซิยาส

กองหลัง : อัลบาโร อาร์เบลัว, เคราร์ด ปิเก้, เซร์คิโอ รามอส, ฆอร์ดี อัลบา

กองกลาง : ชาบี เอร์นานเดซ, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, ชาบี อลอนโซ

กองหน้า : ดาบิด ซิลบา, เชสก์ ฟาเบกัส, อันเดรส อิเนียสต้า

สเปนชุดแชมป์ยูโร 2024

สเปนในปี 2024 ก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์เรียกว่าเป็น ม้านอกสายตาเลยก็ว่าได้ เป็นเต็ง 5 ของทัวร์นาเมนต์ เนื่องจากพวกเขาล้างลาความสำเร็จมานานกว่า 12 ปี และ ผลงานในช่วงหลังก็ไม่ค่อยดีนัก ภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ เด ลา ฟูเอนเต้ กุนซือที่ยังไม่มีประสบการณ์ในการคุมทีมใหญ่

11 ผู้เล่นตัวหลักของสเปนในปี 2024

ผู้รักษาประตู : อูไน ซิม่อน

กองหลัง : ดานี่ การ์บาฆาล, อายเมอริก ลาปอร์ต, โรบิน เลอ นอร์กม็องด์, มาร์ก กูกูเรย่า

กองกลาง : โรดรี้ เอร์นานเดซ, ฟาเบียน รุยซ์, เปดรี้, นิโก วิลเลี่ยมส์, ลามิน ยามาล

กองหน้า : อัลบาโร่ โมราต้า

สิ่งที่แตกต่าง

คุณภาพตัวผู้เล่น

สเปนในปี 2012 สเปนอุดมไปด้วยขุมกำลังระดับซูเปอร์สตาร์ในทุกตำแหน่ง นักเตะส่วนใหญ่มาจากสองทีมยักษ์ของสเปนอย่าง บาร์เซโลน่า และ เรอัล มาดริด อีกทั้งยังอุดมไปด้วยนักเตะตัวเก๋ามากประสบการณ์ที่ผ่านการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก และ ฟุตบอลยูโรมาแล้ว

สเปนในปี 2024 นักเตะที่ถูกเรียกมา อาจไม่โด่งดังระดับซูเปอร์สตาร์ คนที่ดังสุดน่าจะเป็น โรดรี้ ที่มาจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ นักเตะส่วนใหญ่มาจากหลากหลายทีมดังในยุโรป โดยนักเตะของทีมที่ถูกเรียกมาติดมากที่สุดไม่ใช่ทีมใหญ่ แต่เป็นทีมอย่าง เรอัล โซเซียดาด ที่จำนวนถึง 4 คนด้วยกัน

ซึ่งหากเปรียบเทียบกันแน่นอนว่าในปี 2012 นั้นดูดีกว่าอย่างชัดเจน ด้วยขุมกำลังที่เต็มไปคุณภาพในทุกตำแหน่ง

ฝีมือและชื่อเสียงของกุนซือ

อีกเรื่องที่แตกต่างคือ ฝีมือและชื่อเสียงของตัวกุนซือแน่นอนว่า ในปี 2012 ในการคุมทัพของ เดล บอสเก้ นั้นหลายคนคงไม่สงสัยในฝืมือของเขา จากการพาทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้ในปี 2010 ซึ่งแตกต่างกับปี 2024 อย่างสิ้นเชิง ที่ได้กุนซืออย่างหลุยส์ เด ลา ฟูเอนเต้ มาคุมทัพ

ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์น้อยคนนักจะรู้จักกับกุนซือคนนี้เพราะไม่เคยประวัติในการคุมทีมสโมสรหรือทีมชาติชุดใหญ่เลย แต่สิ่งที่ทำให้สมาคมฟุตบอลสเปนเลือกเชื่อใจ คือ การที่เขาคลุกคลีกับทีมชาติมาเป็นเวลานาน ไล่ตั้งแต่สเปนชุด U19 U21 และ U23 อย่างไรก็ดีสิ่งนี้ก็ยังทำให้หลายคนตั้งคำถามว่าเขาจะดีพอกับทีมชาติชุดใหญ่หรือไม่

แนวทางวิธีการเล่น

สเปนในปี 2012 พวกเขาเล่นด้วย ระบบ 4-6-0 โดยใช้ เชสก์ ฟาเบรกาส เล่นแบบ False 9 เป็นการต่อยอดมาจาก บาร์เซโลน่าของ เป็ป กวาร์ดิโอลา ด้วยปรัชญาTiki-Taka อาศัยความสามารถของกองกลางที่มี โดยเน้นเรื่องการครองบอล การส่งบอลที่แม่นยำ และอาศัยจังหวะที่คู่แข่งเปิดช่องว่างในการเข้าทำประตู 

จะเห็นชัดได้จากสถิติการผ่านบอลในแต่ละเกม ที่มากกว่า 700-800 ครั้งต่อเกม ซึ่งบางเกมอาจมากถึง 1000 ครั้ง และเปอร์เซ็นต์การครองบอลที่มากกว่าคู่แข่งแทบทุกเกม นอกจากการส่งบอลและครองบอลแล้ว ในยุคนั้นพวกเขายังมีการเข้าทำที่ยอดเยี่ยม ที่ส่งผลให้พวกเขายิงประตูได้มากที่สุดในทัวร์นาเมนต์นั้นอีกด้วย 

ส่วนสเปนในปี 2024 พวกเขาเล่นด้วย ระบบ 4-2-3-1 โดยเน้นการโจมตีทางปีกทั้งสองข้างเป็นหลัก อาศัยความสามารถส่วนตัวของ นิโก วิลเลี่ยมส์ และ ลามิน ยามาล ในการดวลหนึ่งต่อหนึ่ง ลดเปอร์เซ็นต์การครองบอลลง แต่เน้นในเรื่องการเข้าทำที่มีความกล้าได้กล้าเสียมากขึ้น 

สิ่งที่ตอกย้ำได้ชัดเจนว่าสเปนยุคนี้แตกต่างจากยุคก่อนคือ สถิติการจ่ายบอลในเกมนัดชิงของสเปนที่อยู่แค่ 500 กว่าครั้งเท่านั้น ซึ่งน้อยมากหากเทียบกับปี 2012 แต่สิ่งที่กลับโดดเด่นขึ้นมาคือ การสร้างสรรค์โอกาสและการยิงประตู ที่ทำให้พวกเขากลายเป็นทีมที่สร้างสรรค์โอกาสและยิงประตูได้มากที่สุดในทัวร์นาเมนต์นี้

บทเรียนที่ได้

สิ่งหนึ่งที่ทำให้สเปนไม่ประสบความสำเร็จมา 12 ปี คือการพยายามเล่นด้วยวิธีการเดิมเกินไป แต่ด้วยทรัพยากรและคุณภาพนักเตะที่ขึ้นมานั้น ไม่สามารถทดแทนได้ ทำให้วิธีการเล่นแบบเดิมใช้ไม่ได้ผล

บทเรียนที่ได้จากทีมชาติสเปน คือ อย่าติดกับความสำเร็จแบบเดิม ๆ วิธีการเดิมที่เคยใช้แล้วประสบความสำเร็จในอดีต อาจจะไม่ประสบความสำเร็จในปัจจุบัน ฉะนั้นต้องรู้จักเปิดรับสิ่งใหม่ และ รู้จักปรับเปลี่ยนไปตามทรัพยากรที่มีอยู่ในตอนนั้น

ซึ่งหนึ่งคน ที่สมควรได้รับเครดิตอย่างยิ่ง คือ หลุยส์ เดอา ฟู เอนเต้ ที่กล้าเปลี่ยนแปลงใช้วิธีการแบบใหม่ ๆ ปรับตามขุมกำลังที่มี จนสามารถพาทีมได้ผลลัพธ์ในท้ายที่สุด