การแข่งขัน ‘Olympic’ มหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษยชาติที่จัดขึ้นทุก ๆ 4 ปี กำลังจะเปิดฉากขึ้นอีกครั้งในวันที่ 26 กรกฎาคมนี้ ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 33 แล้วที่ถูกจัดขึ้น เรียกว่าเป็นมหกรรมกีฬาที่มีมาอย่างยาวนาน ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่ามหกรรมกีฬาโอลิมปิกนั้น เกิดขึ้นมาได้อย่างไร มีประวัติความเป็นมาอย่างไร ใครเป็นคนริเริ่ม ดังนั้นก่อนที่โอลิมปิกในครั้งนี้จะเริ่มขึ้น เราจะพาย้อนไปกลับหาคำตอบของคำถามที่กล่าวมาไปด้วยกัน

จุดกำเนิดโอลิมปิก

โอลิมปิกยุคโบราณ

ย้อนกลับไป 776 ปีก่อนคริสตกาล หรือประมาณ 2,700 ปีที่แล้ว การแข่งขันโอลิมปิก ถูกจัดขึ้นครั้งแรกที่บริเวณเทือกเขาโอลิมปัส เมืองโอลิมเปีย ทางตะวันตกของคาบสมุทรเพโลพอนเนสของกรีซในปัจจุบัน โดยมีจุดประสงค์เพื่อเฉลิมฉลองและสดุดีแก่ ซูส (Zeus) เทพเจ้าสายฟ้า ซึ่งเป็นเทพเจ้าสูงสุดของชาวกรีก โดยผู้ที่ริเริ่มให้กำเนิดโอลิมปิกตามตำนานกรีกได้แก่ เฮราคลีส บุตรของเทพเจ้าซูส นั่นเอง 

โดยในยุคนั้น การแข่งขันจะอนุญาตให้แค่ผู้ชายเท่านั้นที่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้ และทุกคนที่ลงแข่งขันต้องเปลือยกายเท่านั้น เพื่อแสดงถึงความกำยำและความแข็งแกร่งของสรีระทางร่างกาย

ซึ่งกีฬาชนิดแรกที่มีการแข่งขันได้แก่ การแข่งขันวิ่ง ด้วยระยะทาง 210 หลา ซึ่งเป็นแค่กีฬาชนิดเดียวในการแข่งขัน 13 ครั้งแรกที่ถูกจัดขึ้น โดยหลังจากนั้นก็ได้มีการเพิ่มกีฬาชนิดอื่น ๆ เข้ามา ตัวอย่างเช่น กระโดดไกล ขว้างจักร พุ่งแหลน ชกมวย มวยปล้ำ แข่งรถม้า และวิ่งโดยใส่ชุดเกราะ เป็นต้น 

การแข่งขันโอลิมปิกในยุคโบราณถูกจัดขึ้นทุก ๆ 4 ปี มาอย่างยาวนานกว่า 1,200 ปี จนกระทั่งการเข้ามาของจักรวรรดิโรมัน ทำให้โอลิมปิกในยุคกรีกโบราณเริ่มเสื่อมถอยลง และถูกยกเลิกไปในที่สุด ในสมัยจักรพรรดิธีโอดอเซียสที่ 1 ในปีคริสต์ศักราช 393 เนื่องจากถูกมองว่า เป็นประเพณีนอกรีต ไม่ตรงกับธรรมเนียมปฏิบัติและความเชื่อตามหลักศาสนาคริสต์ของโรมัน

โอลิมปิกยุคใหม่

หลังจากการแข่งขันโอลิมปิกถูกทิ้งร้างไปกว่า 1,500 ปี ได้มีการรื้อฟื้นกลับมาจัดอีกครั้ง โดย บารอน ปีแยร์ เดอ กูแบร์แต็ง ขุนนางและนักประวัติศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ซึ่งได้เสนอให้มีการฟื้นฟูกีฬาโอลิมปิกขึ้นอีกครั้ง โดยขอความร่วมมือกับองค์กรกีฬาจากประเทศต่าง ๆ ทั้งหมด 9 ประเทศในการจัดตั้งคณะกรรมการโอลิมปิกสากล หรือ IOC ขึ้นในปี 1894

จนในที่สุด โอลิมปิกยุคใหม่ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกขึ้นในปี 1896 ซึ่งถูกจัดขึ้นที่กรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ เพื่อเป็นการรำลึกถึงจุดกำเนิดของโอลิมปิกในอดีตกาล โดยมีประเทศที่เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งแรกถึง 14 ประเทศ และมีชนิดกีฬาที่แข่งขันกันกว่า 43 ประเภท 

โดยหลังจากนั้นเป็นต้นมา ก็ได้มีการกำหนดให้มีการแข่งขันโอลิมปิกขึ้นในทุก ๆ 4 ปี และได้มีการปรับปรุงและพัฒนาขึ้นมาเรื่อย ๆ ตามลำดับ มีการเพิ่มระบบการแข่งขันที่ถูกแบ่งเป็นโอลิมปิกฤดูร้อน และโอลิมปิกฤดูหนาว ตามชนิดและประเภทของกีฬา เริ่มมีประเทศเข้าร่วมการแข่งขันมากขึ้น เพิ่มชนิดกีฬา เพิ่มจำนวนนักกีฬา และเปิดโอกาสให้ผู้หญิงเข้าร่วมมากขึ้น จนกลายมาเป็นมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกจนถึงปัจจุบัน

สีของธงโอลิมปิก

ธงโอลิมปิกประกอบด้วย 6 สี คือ ขาว, น้ำเงิน, ดำ, แดง, เหลือง และเขียว โดยมีพื้นหลังเป็นสีขาว ส่วนอีก 5 สีที่เหลือ เป็นสีของห่วง 5 ห่วงที่เกี่ยวติดกันเป็นโลโก้ประจำโอลิมปิก สีในธงทั้ง 6 สีนั้น แสดงถึงประเทศต่าง ๆ ที่มาเข้าร่วมแข่งขันในโอลิมปิก เนื่องจากในธงชาติของแต่ละประเทศต้องมีอย่างน้อยสีใดสีหนึ่งปรากฏอยู่ในธงชาติ ส่วนห่วงที่เกี่ยวติดกันทั้ง 5 ห่วง แสดงถึงความปรองดองของทวีปทั้ง 5 บนโลก คือ ทวีปยุโรป, ทวีปอเมริกาเหนือ-ใต้, ทวีปออสเตรเลีย, ทวีปแอฟริกา และทวีปเอเชีย

คนไทยคนแรกที่คว้าเหรียญโอลิมปิกได้

ประเทศไทยของเรา เริ่มส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกครั้งแรกในปี 1952 ที่เมืองเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ โดยนักกีฬาไทยคนแรกที่สามารถคว้าเหรียญทองโอลิมปิกได้สำเร็จ ได้แก่ สมรักษ์ คำสิงห์ ในประเภทกีฬามวยสากลสมัครเล่น รุ่นไลท์ฟลายเวท ในปี 1984 ที่เมืองแอตแลนตา สหรัฐอเมริกา