มหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ได้จบลงเป็นที่เรียบร้อยหลังแข่งขันกันมากว่า 17 วันเต็ม โดยมีพิธีปิดอย่างเป็นทางการในค่ำคืนวันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม 2567  ที่สนามสตาด เดอ ฟรองส์ สนามกีฬาแห่งชาติประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเริ่มพิธีตั้งแต่เวลา 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย โดยเราจะพาไปดู 7 ไฮไลต์ในพิธีปิดโอลิมปิกครั้งนี้กัน

1. เริ่มพิธีปิดโอลิมปิก

พิธีปิดโอลิมปิก 2024 เริ่มด้วยการให้ ‘ลีออน มาร์ชองด์’ นักกีฬาว่ายน้ำชายของฝรั่งเศส เจ้าของ 4 เหรียญทองในโอลิมปิกครั้งนี้ เดินถือไฟตะเกียงคบเพลิงที่ถูกจุดไว้ที่สวนตุยเลอรี เดินทางไปที่สนาม สตาด เดอ ฟรองซ์ สถานที่จัดพิธีปิดอย่างเป็นทางการ โดยผ่านเขตเทศมนตรีของฝรั่งเศส 9 เขต ระยะทางรวมกว่า 8 กิโลเมตร

2. ขบวนพาเหรดนักกีฬา ที่ปราศจากการแบ่งแยก

พิธีปิดโอลิมปิกที่สนาม สตาด เดอ ฟรองซ์ เริ่มด้วยการบรรเลงเพลง และนำขบวนพาเหรดนักกีฬาจาก 205 ชาติเข้าสู่สนาม โดยไม่เรียงตัวอักษร ไม่เรียงทวีป เพื่อสื่อถึงความไม่แบ่งแยก โดยแต่ละชาติจะมีนักกีฬาตัวแทน 2 คน ในการถือธงชาติของตัวเอง ซึ่งแบ่งเป็นชายหนึ่งและหญิงหนึ่งคน โดยที่ ‘เวฟ’ วีรพล วิชุมา และ ‘บี’ จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง เป็นตัวแทนทัพนักกีฬาไทย ในการถือธงพิธีปิดโอลิมปิก 2024

3. พิธีมอบเหรียญรางวัลรายการสุดท้ายในโอลิมปิก

พิธีมอบเหรียญรางวัลรายการสุดท้ายในโอลิมปิก 2024 ที่แตกต่างจากทุกปี เพราะโดยปกติจะเป็นกีฬาวิ่งมาราธอนชาย แต่ในครั้งนี้เปลี่ยนมาเป็นวิ่งมาราธอนหญิง ซึ่งคนที่ได้เหรียญทองคือ ซีฟาน ฮัสซัน นักกีฬาจากเนเธอร์แลนด์ เชื้อสายเอธิโอเปีย ส่วนเหรียญเงินคือ ทิกสต์ อัสเซฟา จากเอธิโอเปีย และเหรียญทองแดง เฮลเลน โอบิรี จากเคนยา

โดยสาเหตุที่เลือกมาราธอนหญิงเป็นรายการสุดท้าย เนื่องจากเป็นการย้ำเตือนถึงเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสในปี 1789 เหตุการณ์การเดินขบวนสู่แวร์ซายส์ของสตรีชาวปารีส ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญของการปฏิวัติฝรั่งเศส

4. การแสดงสุดอลังการ ภายใต้คอนเซปต์ ‘การเดินทางข้ามเวลา’

พิธีปิดการแข่งขันโอลิมปิกในครั้งนี้ มีคอนเซปต์คือ “Records” โดย โทมัส จอลลี ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ มีจุดประสงค์คือการพาผู้ชมเข้าสู่การเดินทางข้ามกาลเวลาที่เหมือนอยู่ในโลกแห่งความฝัน

การแสดงเริ่มด้วยการปรากฏตัวของบุคคลปริศนาที่ถือคบเพลิงในพิธีเปิดโอลิมปิก รวมถึงสตรีขี่ม้าขาวผู้เชิญธง โดยทั้ง 2 คนได้ส่งมอบธงชาติกรีซ ให้กับนักเดินทางสีทอง (Golden Voyager) หลังจากนั้น เทพไนกี เทพแห่งชัยชนะ ที่เป็นรูปปั้นได้ปรากฏตัวขึ้น และต่อด้วยการแสดงจากนักเต้นและนักกายกรรมกว่า 100 คน ในการนำวงแหวนทั้ง 5 มารวมกันให้กลายเป็น “วงแหวนโอลิมปิก” ลอยอยู่กลางสนามกีฬาสตาด เดอ ฟรองซ์

5. แรปเปอร์กัมพูชาร่วมแสดงในโอลิมปิก

หลังจากการแสดงโชว์สุดอลังการ ได้มีการแสดงดนตรีจากศิลปินมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Phoenix วงดนตรีป็อปอินดี้ชื่อดังของฝรั่งเศส ที่ร่วมแสดงกับ Kavinsky ศิลปินหญิงจากเบลเยียม, AIR ศิลปินคู่ชาวฝรั่งเศส และ Ezra Koenig ศิลปินชาวอเมริกา แต่สิ่งที่สร้างเสียงฮือฮาคือการปรากฏตัวของ VannDa ศิลปินแรปเปอร์จากกัมพูชา เจ้าของผลงานเพลง Time To Rise ที่มียอดเข้าชมกว่า 123 ล้านวิว นอกจากนี้ทาง VannDa ยังเคยมีผลงานเพลงร่วมกับ F.HERO, 1MILL และ SPRITE ในเพลง RUN THE TOWN อีกด้วย

6. ส่งไม้ต่อไปยังโอลิมปิก 2028 ที่ลอสแอนเจลิส 

ต่อจากการแสดงดนตรี ก็คือการมอบธงโอลิมปิกที่เป็นการส่งไม้ต่อไปยังโอลิมปิกครั้งต่อไป โดยไฮไลต์อยู่ที่การโหนสลิงโรยตัวจากหลังคาสนามเข้าสู่พิธีปิดของ ‘ทอม ครูซ’ นักแสดงฮอลลีวูด วัย 62 ปี พร้อมกับทำภารกิจ พาธงโอลิมปิก ไปยังลอสแอนเจลิส ด้วยการขี่มอเตอร์ไซค์ขับออกจากสนาม

หลังจากนั้นภาพจะตัดไปที่ลอสแอนเจลิสโดยทาง ‘ทอม ครูซ’ ได้ส่งไม้ต่อไปให้ เคท คอร์ทนีย์ นักปั่นจักรยานเสือภูเขาทีมชาติสหรัฐฯ ก่อนจะส่งต่อให้ ไมเคิล จอห์นสัน อดีตนักวิ่งเจ้าของ 4 เหรียญทองโอลิมปิก และไม้สุดท้ายเป็น แจ็คเกอร์ อีตัน นักสเก็ตบอร์ดเจ้าของเหรียญเงินในโอลิมปิกครั้งนี้

โดยทางแจ็คเกอร์ อีตัน พาธงไปยังชายหาดที่ลอสแอนเจลิส ซึ่งมีศิลปินอย่าง Red Hot Chili Peppers, Billie Eilish และ Snoop Dogg ที่จับคู่กับ Dr. Dre ร่วมบรรเลงเพลงต้อนรับโอลิมปิกครั้งต่อไปในอีก 4 ปีข้างหน้า LA 2028 ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา

7. สิ้นสุดพิธีปิดอย่างเรียบง่าย

‘ลีออน มาร์ชองด์’ นักกีฬาว่ายน้ำชายของฝรั่งเศส ผู้ถือตะเกียงไฟคบเพลิงจากสวนตุยเลอรี เดินทางมาถึงสนามในพิธีปิด ก่อนจะเชิญเหล่านักกีฬาตัวแทนของแต่ละทวีป 5 คน และสมาชิกทีมโอลิมปิกผู้ลี้ภัยอีก 1 คน มาร่วมกันเป่าไฟในตะเกียงให้ดับ เป็นการดับไฟที่เรียบง่าย แต่เต็มด้วยความคลาสสิก ซึ่งถือเป็นอันสิ้นสุดพิธีปิดการแข่งขันโอลิมปิกครั้งนี้อย่างเป็นทางการ