เปิดประวัติเส้นทาง ‘ก้อง’ สมเกียรติ จันทรา สิงห์นักบิดอนาคตไกลวัย 25 ปี จากเด็กแว้นสู่ผู้สร้างประวัติศาสตร์เป็นคนไทยคนแรกที่ได้เข้าร่วมแข่งขันในรายการ MotoGP การแข่งขันมอเตอร์ไซค์ทางเรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก โดยเส้นทางกว่าจะมาถึงจุดนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องเจอกับเรื่องราวต่าง ๆ มากมาย ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร เราจะพาไปไล่เลียงกัน

เส้นทางการเดินทางของ ‘ก้อง’ สมเกียรติ จันทรา

ชีวิตในวัยเด็ก

‘ก้อง’ สมเกียรติ จันทรา เกิดเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2541 ที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี มีชีวิตคลุกคลีอยู่ในสนามแข่งรถตั้งแต่เด็ก ด้วยการช่วยพ่อแม่ขายข้าวที่สนามพีระเซอร์กิต พัทยา จึงมีความชื่นชอบการแข่งมอเตอร์ไซค์ตั้งแต่ตอนนั้น ด้านเจ้าตัวยอมรับว่าเคยเป็นนักบิดข้างถนนมาก่อนหรือที่เรียกกันว่า เด็กแว้น ในช่วงอายุประมาณ 7-8 ขวบ 

จนกระทั่งอายุ 9 ขวบ มีการจัดแข่งขัน  A.P. Honda Racing School ขึ้น ทำให้มีความอยากลองที่จะสมัครเข้าร่วมการแข่งขัน โดยในตอนแรกพ่อแม่ไม่อนุญาต เพราะเป็นห่วงเรื่องความอันตราย แต่ในท้ายที่สุดก็ได้ทางพี่สาวที่ไปช่วยพูดคุยเกลี้ยกล่อม จนใจอ่อนและยอมให้แข่งได้ นับเป็นก้าวแรกในการเป็นนักบิดแบบเต็มตัว

เริ่มต้นเส้นทางการเป็นนักบิด

หลังจากเส้นทางการเป็นนักบิดเริ่มต้นขึ้น ก้อง ก็เริ่มฉายแววความสามารถตั้งแต่ตอนนั้น และได้สัญญาอาชีพตั้งแต่อายุ 10 ขวบ กับสังกัด A.P. Honda racing Thailand ซึ่งหลังจากนั้น ก็ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ และพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง จากสนามต่าง ๆ ที่ได้รับโอกาส

ในปี 2013 ได้รับโอกาสให้เข้าร่วมแข่งขันคัดเลือกในรายการ  Asia Talent Cup ที่สนามแข่งเซปัง เอฟ วัน เซอร์กิต ประเทศมาเลเซีย และสามารถผ่านเข้ารอบ 25 คนสุดท้ายได้ จากนักแข่งทั่วโลกกว่า 600 คน 

ในปี 2014  ได้รับโอกาสให้เข้าร่วมแข่งขันคัดเลือกในรายการ Asia Talent Cup อีกครั้ง พร้อมโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการคว้าอันดับที่ 11 มาครองได้ในปีแรกที่ลงการแข่งขัน

ปี 2015 ได้เข้าร่วมการแข่งขันรายการ Asia Talent Cup พร้อมโชว์ผลงานด้วยการจบอันดับ 1 จากการแข่งขันในเรซที่ 1 ที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ และสามารถโชว์ผลงานได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยการจบอันดับ 2 ในการแข่งขันเรซที่ 1 ที่สนามโลเซล เซอร์กิต ประเทศกาตาร์ 

ทุกอย่างกำลังไปได้สวย จนกระทั่งในช่วงเตรียมความพร้อมก่อนที่จะเดินทางไปสนามที่ 3 ที่ประเทศมาเลเซีย ได้เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น จนกลายเป็นปีที่แย่ที่สุดในชีวิตของก้อง

ปีที่หนักสุดในชีวิต 

หลังจากโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมใน 2 สนามแรก ด้วยการจบอันดับ 1 และอันดับ 2 ในระหว่างที่เตรียมความพร้อมก่อนจะไปแข่งสนามที่ 3 ที่ประเทศมาเลเซีย ได้เกิดอุบัติเหตุรถเสียหลักล้ม ระหว่างฝึกซ้อมที่สนามพีระเซอร์กิต พัทยา ส่งผลให้ก้องขาหัก ทำให้ต้องเข้าทำรักษาเป็นเวลาเกือบ 1 ปี

นอกจากนั้นยังพลาดโอกาสแข่งขันในสนามที่เหลือ ด้านก้องเผย ในช่วงเวลานั้นรู้สึกท้อมาก จนถึงขั้นเคยคิดว่าอาจจะกลับไปแข่งรถไม่ได้อีกแล้ว แต่สุดท้ายก็พยายามรักษาตัว กายภาพบำบัด ทำทุกอย่างจนอาการดีขึ้น โดยก้องยกเครดิตให้ทางครอบครัวและเพื่อน ๆ ที่ทำให้เขามีกำลังใจในการสู้ต่อในช่วงเวลาที่ยากลำบาก

ผ่านพ้นช่วงวิกฤต ติดปีกบินสูง

หลังจากผ่านพ้นปีที่ยากลำบากที่สุดในชีวิต ก้องได้กลับคืนสู่สนามอีกครั้งในปี 2016 ในรายการ Asia Talent Cup และสามารถคว้าแชมป์ไปได้ ซึ่งเป็นการสร้างประวัติศาสตร์เป็นคนไทยคนแรกที่ได้แชมป์รายการนี้

ในปี 2017 หลังจากคว้าแชมป์ Asia Talent Cup ทำให้ได้สิทธิ์ขยับไปแข่งในระดับยุโรปต่อ ในรายการ FIM CEV Moto3 Junior World Championship 2017 ที่จัดขึ้นที่ประเทศสเปน และคว้าอันดับที่ 20 บนตารางแชมป์เปียนชิปมาได้

ในปี 2018 ก้อง ได้รับสิทธิ์ Wild Card ให้ร่วมแข่งขันในระดับ Moto3 เนื่องจากเป็นประเทศไทยเป็นประเทศเจ้าภาพ ที่สนาม ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ในศึก MotoGP 2018 นับเป็นครั้งแรกที่ก้องได้ลงแข่งขันในรายการเวิลด์ กรังด์ปรีซ์ พร้อมโชว์ผลงานได้อย่างน่าประทับใจด้วยการจบอันดับที่ 9 จนได้สิทธิ์ให้ขยับไปแข่งขันในระดับ Moto 2 ในปี 2019 เลย โดยที่ไม่ต้องผ่านการแข่งขันในระดับ Moto 3

ก้าวสู่ Moto2

ช่วงปี 2019 หลังจากก้าวสู่การแข่งขันรุ่น Moto2 ภายใต้สังกัด LCR Honda ทำให้ก้องต้องย้ายไปอยู่ที่เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน ในช่วงแรกทางก้องยอมรับว่าต้องใช้เวลาในการปรับตัวพอสมควรทั้ง เรื่อง ภาษา อาหาร อากาศ ผู้คน รวมไปถึงวิธีการซ้อมที่เรียกว่าหนักขั้นสุด 

ก้องเล่าว่า ตัวเขาต้องซ้อมปั่นจักรยานขึ้นเขากว่า 70 กิโลเมตรทุกวันในตอนเช้า ส่วนตอนเย็นต้องเข้ายิมและซ้อมขี่วิบากอีก วนอยู่อย่างนี้เกือบทุกวัน จนกระทั่งกลางปี 2019 ก้องเริ่มปรับตัวได้ทั้งวิธีการใช้ชีวิตและวิธีการซ้อม หลังจากนั้นก็เริ่มสร้างผลงานที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับ

จนกระทั่งในปี 2022 ความสำเร็จแรกในระดับ Moto2 ของก้องก็มาถึง ในศึกอินโดนีเซีย กรังด์ปรีซ์ ที่สนาม Mandalika International Street Circuit ประเทศอินโดนีเซีย ก้องสามารถจบการแข่งขันด้วยอันดับ 1 คว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ นอกจากนั้นในสนามต่อมา ในศึก อาร์เจนตินา กรังด์ปรีซ์ ยังสามารถทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง ด้วยการจบในอันดับที่ 2 คว้าตำแหน่งรองแชมป์มาครองได้อีก

ถัดมาในปี 2023 ก้องก็ยังสามารถสร้างผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่อง คว้าแชมป์ระดับ Moto 2 ได้อีกที่ประเทศญี่ปุ่น ไม่เพียงเท่านั้นในการแข่งขันที่สนาม ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ก้องสามารถทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยการคว้าอันดับที่ 3 มาครอง ทำให้ก้องจบฤดูกาลนั้นด้วยอันดับที่ 6 ในตารางคะแนนสะสม ซึ่งถือเป็นอันดับสูงสุดที่ก้องเคยทำได้

ก้าวสู่ MotoGP

หลังจากทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีหลัง ทำให้ล่าสุดทาง LCR Honda ได้ออกแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของทีม ในการขยับเลื่อนชั้นทาง ‘ก้อง’ สมเกียรติ จันทรา ขึ้นสู่รุ่นสูงสุดในระดับ MotoGP ในฤดูกาล 2025 เป็นต้นไป ซึ่งทำให้ทาง ‘ก้อง’ สมเกียรติ จันทรา สร้างประวัติศาสตร์เป็นคนไทยคนแรก ที่จะได้ลงแข่งในรายการระดับ MotoGP

ด้าน ‘ก้อง’ สมเกียรติ จันทรา กล่าว “ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เข้าร่วมทีม LCR Honda การก้าวเข้าสู่ โมโตจีพี เป็นความฝันของผมเสมอมา และในที่สุดผมก็สามารถทำความฝันนั้นให้เป็นจริงได้ ขอบคุณทุก ๆ แรงสนับสนุน และผู้ที่ให้การสนับสนุนผมมาโดยตลอด ตั้งแต่เริ่มต้นอาชีพจนถึงปัจจุบัน สำหรับฤดูกาลถัดไป ผมสัญญาที่จะยังคงมุ่งมั่นที่จะเรียนรู้ พยายามอย่างเต็มที่ และสนุกกับการผจญภัยครั้งใหม่นี้ แม้จะเป็นเรื่องที่ท้าทาย แต่ผมจะทำให้ดีที่สุด”