นับเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมเป็นอย่างมากสำหรับเรื่องราวของทีม ‘นาคามรกต’ เกษตรศาสตร์ เอฟซี ที่ในปัจจุบันมี ‘โตโน่’ ภาคิน นักร้องและนักแสดงชื่อดัง ขึ้นมาเป็นรักษาการประธานสโมสร ซึ่งกำลังพาทีมเดินหน้าฝ่าวิกฤตอยู่ในขณะนี้ จากทีมที่เกือบโดนยุบ และ เต็มไปด้วยปัญหามากมาย สู่ทีมที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสปิริตความเป็นนักสู้ ที่ทุกคนพร้อมที่จะร่วมแรงร่วมใจกัน ฝ่าฟันวิกฤตในครั้งนี้ไปด้วยกัน 

ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร เกิดอะไรขึ้นกับ เกษตรศาสตร์, ทำไม โตโน่ ถึงมาเป็นประธานสโมสร และพวกเขาจะฝ่าฟันวิกฤตไปยังไง เราจะพาไปไล่เลียงกัน

เกิดอะไรขึ้นกับ เกษตรศาสตร์ เอฟซี

เรื่องราววิกฤตและปัญหาในครั้งนี้ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ในซีซั่น 2023-24 ที่ในตอนนั้น เกษตรศาสตร์ เอฟซี ต้องเผชิญกับปัญหาการขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างหนัก มีการค้างจ้างนักเตะ และ ทีมงานจำนวนมาก จนมีข่าวถึงขั้นเกือบยุบทีม 

ทางสโมสรมีการประกาศถอนทีมออกจากการแข่งขัน ในศึกไทยลีก 2 โดยจะไม่ส่งทีมลงเล่นในช่วงท้ายฤดูกาล 5 นัดสุดท้าย แต่หลังจากที่ทาง ‘มาดามแป้ง’ นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอล รับรู้ถึงปัญหา ก็ได้มีการเจรจาหาทางออกร่วมกัน จนในท้ายที่สุดทีมสามารถเดินหน้าต่อ และ กลับมาแข่งขันได้ตามโปรแกรม 5 นัดที่เหลือ 

ซึ่งหลังจากจบฤดูกาลทางทีม เกษตรศาสตร์ เอฟซี ก็ได้หากลุ่มทุนใหม่เข้ามาร่วมลงทุนและบริหารทีม เพื่อให้สภาพคล่องทางการเงินดีขึ้น ทำให้ใน ซีซั่น 2024-25 ได้มีการลงทุนเสริมทัพมากมาย ทั้งอดีตนักเตะทีมชาติไทยอย่าง อดิศักดิ์ ไกรษร, จักรพันธ์ พรใส และอุกฤษณ์ วงศ์มีมา รวมไปถึงนักเตะต่างชาติระดับไทยลีก 1 อย่าง สตีเฟ่น ลองจิว เข้ามาเสริมทัพ จนกลายมาเป็นหนึ่งในทีมที่มีลุ้นเลื่อนชั้นในปีนี้

จนกระทั่งเข้าสู่เดือนกันยายน ได้มีข่าวที่สร้างความประหลาดใจให้กับแฟนบอล เมื่อทางสโมสรได้ประกาศแยกทางกับ 4 ผู้บริหาร ซึ่งเป็นกลุ่มทุนใหม่ สืบเนื่องมาจากที่ไม่สามารถหาเงินเข้าสโมสรได้ตามที่ตกลงกันไว้ในตอนแรก หรือเรียกง่าย ๆ ว่า ถูกหลอกขายฝัน ทำให้สถานการณ์ของทีมต้องเข้าสู่ช่วงวิกฤตอีกครั้ง ซึ่งสร้างผลกระทบมากมายให้กับนักเตะและทีมงานทุกคนเกือบ 40 ชีวิต

ทำไม โตโน่ ถึงมาเป็นประธานสโมสร

จุดเริ่มต้นของ ‘โตโน่’ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ กับ เกษตรศาสตร์ เอฟซี เริ่มต้นจากการชักชวนกันของเหล่าบรรดาเพื่อนที่รู้จักที่เคยเตะบอลร่วมกัน อาทิ จักรพันธ์ พรใส, อุกฤษณ์ วงศ์มีมา และรวมไปถึงหัวหน้าโค้ชอย่าง สันติ ไชยเผือก 

โตโน่ เผยว่า ในตอนแรกตั้งใจจะเข้ามาเป็นนักฟุตบอลปกติ และ มาช่วยเกษตรศาสตร์ในการขายเสื้อ เหมือนตอนที่อยู่กับทีม ราชบุรี อยุธยา และ ขอนแก่น พร้อมย้ำว่าไม่เคยสนใจเรื่องเงิน เพราะฟุตบอลเป็นแพชชั่นของตัวเองอยู่แล้ว แค่ได้มาสนุกสนานกับเพื่อน ๆ ก็พอ  

จนกระทั่งหลังจากที่เกิดวิกฤตขึ้น หลายคนไม่มีที่พึ่งไม่รู้จะปรึกษาใคร จึงได้มาปรึกษากับ โตโน่ เพราะด้วยความเป็นรุ่นพี่ที่อายุมากที่สุดและหลายคนในทีมเคารพ จนวันนึงทางทีมได้มีการนัดประชุมพูดคุยถึงเรื่องตำแหน่งประธานสโมสร ซึ่งหลายคนก็พร้อมใจกันเชียร์ให้ โตโน่ รับตำแหน่งนี้ จนในท้ายที่สุดทาง โตโน่ ก็ตอบตกลง แต่จะเข้ามาเป็นเพียงรักษาการประธานสโมสรเท่านั้น พร้อมตั้งเป้าพาทีมฝ่าวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้

โดโน่ กล่าวถึงการตัดสินใจครั้งนี้ว่า

“มันมีแค่ 2 ทางเลือกคือ ทิ้งไป ไม่ต้องมองว่ามันเป็นเรื่องของเรา เพราะเราก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร กับอีกทางคือ ช่วย แต่พอเราเห็นแล้วว่าเพื่อนในทีม รวมไปถึงครอบครัวของนักเตะและทีมงาน ที่ทุกคนต่างมีหน้าที่ต้องดูแล ผมจึงตัดสินใจอยากเข้ามาช่วยเพื่อให้ทีมผ่านพ้นวิกฤตไปให้ได้”

ร่วมแรงร่วมใจ ฝ่าฟันวิกฤต 

หลังการเข้ามาเป็นรักษาการประธานสโมสรของ โตโน่ ก็ได้มีการเปิดใจคุยถึงปัญหาเกิดขึ้น พร้อมบอกถึงสถานการณ์ของทีมอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งนักเตะและทีมงานทุกคนก็เข้าใจ และได้ร่วมแรงร่วมใจกันแก้ไขปัญหา จนทุกอย่างเริ่มดีขึ้นตามลำดับ  ทั้งสถานการณ์ในสนาม และ นอกสนาม

ทีมเริ่มทำผลงานได้ดีขึ้น จากทีมที่หนีตกชั้นแทบทุกปี ในไทยลีก 2 กลายเป็นทีมที่ทุกคนพร้อมสู้กับทุกทีมด้วยสปิริต ทำให้ เกษตรศาสตร์ เอฟซี ในตอนนี้ไม่แพ้ใครมาแล้ว 5 นัดติดต่อกัน แบ่งเป็น ชนะ 3 เสมอ 2  รั้งอันดับที่ 5 ของตาราง มีลุ้นเพลย์ออฟเลื่อนชั้นไปไทยลีก 1

ส่วนเรื่องนอกสนาม หลังจากที่ข่าวได้กระจายออกไป ก็เริ่มมีรายได้จากการขายตั๋วเข้าชมมากขึ้น จากปกติแฟนบอลเข้าชมหลักร้อยก็กลายเป็นหลักพัน รวมไปถึงรายได้จากการขายเสื้อ และ สปอนเซอร์ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากการสนับสนุนของเหล่าบรรดาแฟนบอลที่อยากช่วยเหลือทีม ทำให้นักเตะและทีมงานเริ่มมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นตามลำดับ 

สุดท้ายแล้ว แม้ว่าการต่อสู้ในครั้งนี้จะเพิ่งเริ่มต้น ซึ่งบทสรุปสุดท้ายจะสำเร็จ หรือ ไม่สำเร็จ เวลาเท่านั้นจะเป็นสิ่งที่ให้คำตอบ แต่อย่างน้อยในเวลานี้ เกษตรศาสตร์ เอฟซี ก็ได้แสดงให้เห็นถึงความพยายาม และ การไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค พร้อมสู้พร้อมแลกทุกอย่าง ซึ่งถือเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับอีกหลาย ๆ สโมสร ที่กำลังเจอสถานการณ์ในแบบเดียวกัน ได้นำไปเป็นบทเรียนและปฏิบัติตามในอนาคต