อาหมัด ดิยาโล ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา กลายมาเป็นหนึ่งในนักเตะที่เป็นที่รัก และความหวังใหม่ของแฟนปีศาจแดงได้อย่างไม่มีใครต้องสงสัย ด้วยความสามารถ ความทุ่มเท ความพยายาม และแพสชันที่มีให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด แบบเต็มร้อย โดยไม่จำเป็นต้องเป็นเด็กลูกหม้อสโมสรด้วยซ้ำ

จากนักเตะที่เคยเกือบหมดอนาคตกับแมนยู ถูกมองข้ามหลายต่อหลายครั้งในยุคกุนซือคนก่อน ๆ จนกลายมาเป็นคนสำคัญของทีมได้ในยุคของ รูเบน อโมริม อะไรเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เขามาถึงจุดนี้ เรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ที่นี่

ช่วงที่ยากลำบากของ อาหมัด ดิยาโล

อาหมัด ดิยาโล ย้ายเข้ามาสู่ถิ่นโอลด์แทรฟฟอร์ด ตั้งแต่ที่ตัวเขาอายุได้เพียง 18 ปี ในฤดูกาล 2020-21 ในยุคของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ ด้วยค่าตัวบวกแอดออนราว ๆ 40 ล้านยูโร จาก อตาลันตา สโมสรในอิตาลี 

ในช่วงแรก ๆ ของเขากับแมนยู เรียกได้ว่ายากลำบากเลยก็ว่าได้ เพราะถึงแม้ว่าจะย้ายมาด้วยค่าตัวที่สูงพอควรสำหรับดาวรุ่ง แต่นั้นก็ไม่ได้การันตีตำแหน่งจริงให้กับเขา อาหมัดมักจะถูกมองข้ามอยู่เสมอ ทำให้ตัวเขาต้องรอโอกาสอยู่ข้างสนามเป็นประจำ ซึ่งได้รับโอกาสไปเพียง 8 นัดเท่านั้นในปีแรก จากการเป็นตัวสำรองในช่วงท้ายเกม และบอลถ้วยรายการเล็ก ๆ

ซึ่งนั้นทำให้หลังจากนั้นอาหมัดก็ถูกปล่อยยืมตัวไป ในช่วงกลางฤดูกาลปี 2021-22 ให้กับ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส สโมสรในสกอตแลนด์ ยืมตัวไปใช้เป็นเวลาครึ่งฤดูกาล เพื่อให้เขาไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ และเพิ่มเลเวลให้กับตัวเอง 

ก่อนที่ในปีต่อมาจะถูกปล่อยยืมตัวอีกครั้งให้กับ ซันเดอร์แลนด์ สโมสรจากลีกรองของอังกฤษยืมไปใช้งาน ซึ่งที่นี่กลายมาเป็นที่แจ้งเกิดของอาหมัดเลยก็ว่าได้ เขาได้รับโอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่องรวมทุกรายการถึง 42 เกม ทำไป 14 ประตู กับอีก 6 แอสซิสต์ คว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมของซันเดอร์แลนด์ไปครอง ซึ่งนั้นทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มเห็นแววและเรียกตัวกลับไปในฤดูกาลต่อมา

ช่วงเวลาพิสูจน์ตัวเอง 

อาหมัด ดิยาโล กลับมาสู่แมนฯ ยูไนเต็ด อีกครั้ง ในฤดูกาล 2023-24 ในยุคของเอริค เทนฮาก กุนซือชาวดัตช์ อาหมัดทุ่มเทและพยายามอย่างหนัก พิสูจน์ตัวเองในช่วงพรีซีซันเพื่อให้กุนซือประทับใจ แต่ตัวเขาก็กลับโชคร้ายได้รับอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าจนต้องพักรักษาตัวไปนานกว่า 4 เดือน 

เวลาผ่านไปเกินครึ่งฤดูกาล จนตัวเขากลับมาฟิตพร้อมลงสนามอีกครั้ง แต่อาหมัดก็ยังไม่ค่อยได้รับโอกาสจากเทนฮากอยู่ดี ตัวเขาเฝ้ารอโอกาสอย่างอดทน จนในที่สุดโอกาสนั้นก็มาถึง ในศึกเอฟเอคัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย ที่ต้องเจอกับลิเวอร์พูล อาหมัดลงสนามมาเป็นฮีโรยิงประตูชัยในช่วงต่อเวลาพิเศษ ให้ทีมเอาชนะไป 4-3 ผ่านเข้ารอบได้สำเร็จ ซึ่งนี่กลายมาเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ตัวเขาเริ่มได้รับความไว้วางใจ และมีโอกาสลงสนามมากขึ้นในช่วงท้ายฤดูกาลปีนั้น

ต่อมาในฤดูกาล 2024-25 ฤดูกาลปัจจุบัน อาหมัดก็เริ่มได้รับโอกาสเพิ่มขึ้น ตัวจริงบ้าง สำรองบ้าง ทำให้ผลงานส่วนตัวของเขา ก็เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ ตามลำดับ อาหมัดมุ่งมั่นและทุ่มเทอยู่เสมอ ทุกครั้งที่ได้รับโอกาสลงสนาม เขาเป็นเพียงไม่กี่คนในทีมที่ได้รับคำชมอยู่เสมอหลังจบเกม ถึงแม้ผลงานโดยรวมของทีมในช่วงต้นฤดูกาลจะไม่ดีก็ตาม

ก้าวมาเป็นคนสำคัญของทีม

อาหมัด ดิยาโล เริ่มก้าวมาเป็นนักเตะคนสำคัญของทีม ตั้งแต่ในยุคของรุด ฟาน นิสเตลรอย กุนซือรักษาการณ์ของทีม หลังจากที่ เทนฮาก ถูกปลดออกไป 

ฟาน นิสเตลรอย มองเห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจ ทัศนคติที่ยอดเยี่ยมของอาหมัด และได้ให้โอกาสลงสนามในช่วง 4 เกมที่เขาคุมทีมอยู่ ซึ่งอาหมัดก็ไม่ทำให้โอกาสของตัวเองหลุดลอย โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจ สร้างผลงานทั้งการทำประตูและแอสซิสต์ตลอด 4 นัดนี้ ก่อนที่ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมนี้จะถูกส่งต่อมาในยุคของ รูเบน อโมริม

หลังการเข้ามาของอโมริม ทำให้ อาหมัด เริ่มเฉิดฉายขึ้นเรื่อย ๆ เขากลายเป็นนักเตะคนสำคัญของทีมแบบเต็มตัว ไม่ว่าจะในตำแหน่งวิงแบ็กขวา หรือตัวรุกด้านบนหลังกองหน้า ในแผน 3-4-3 อาหมัดสามารถเล่นได้หมด ด้วยทักษะความสามารถ ความเข้าใจเกม ที่พัฒนามา บวกกับความขยัน ความทุ่มเท ความไม่เห็นแก่ตัว และแพสชันที่มีติดตัวอยู่แล้ว ทำให้อาหมัดกลายมาเป็นนักเตะคีย์แมนคนสำคัญของอโมริมในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเขากับทีม ในการเป็นตัวหลักเพียงเท่านั้น ในระยะยาวไม่มีใครรู้ว่า อาหมัด ดิยาโล จะพาตัวเองไปได้ไกลขนาดไหนกับแมนฯ ยูไนเต็ด แต่เรื่องราวที่ผ่านมาของเขานับว่าน่ายกย่องเป็นอย่างมาก นี่เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีของคนที่มีความพยายาม ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา มุ่งมั่น ทำงานอย่างหนัก เพื่อให้ได้รับโอกาสที่เขาต้องการ นับเป็นหนึ่งในคนที่น่านับถือหัวใจจริง ๆ